รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า พบเกาหลีเหนือยิงมิสไซล์ทิ้งตัวพิสัยใกล้ 2 ลูกออกจากชายฝั่งตะวันออกวันพุธ (28 ก.ย.) บินไกล 360 กิโลเมตรในระดับความสูง 30 กิโลเมตร ในความเร็วสูงสุด 6 มัค เมื่อเวลาราว 18.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนหน้าการเยือนเส้นเขตปลอดทหาร 2 ชาติเกาหลีที่หมู่บ้านปันมุนจอมวันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ท่ามกลางการฝึกซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (28 ก.ย.) ว่า คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ JCS กล่าวผ่านแถลงการณ์มีใจความว่า มิสไซล์เกาหลีเหนือ 2 ลูกถูกยิงออกมาจากซูนาน (Sunan) ของกรุงเปียงยาง เกิดขึ้นระหว่างเวลา 18.10-18.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันพุธ (28)
มิสไซล์ทิ้งตัว (ballistic missile) 2 ลูกบินไกล 360 กิโลเมตร ในระดับความสูง 30 กิโลเมตร ในความเร็วสูงสุด 6 มัค (Mach) พร้อมกับเผยว่า จะมีการเปิดเผยข้อมูลวิเคราะห์เพิ่มเติมในภายหลัง โดยสื่อนิปปอนของญี่ปุ่นกล่าวว่า เป็นมิสไซล์พิสัยใกล้
แถลงการณ์ JCS ยังกล่าวประณามการยิงมิสไซล์ของเปียงยางว่า “การยั่วยุของเกาหลีใต้จะยิ่งทำให้การป้องปรามและความสามารถในการตอบโต้ของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ทวีความแข็งแกร่งขึ้น และจะยิ่งทำให้การถูกโดดเดี่ยว (ของเกาหลีเหนือ) สาหัสมากขึ้นจากประชาคมโลก”
ในการรายงานของเอเอฟพี คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ JCS ยืนยันว่า “กองทัพของพวกเราเพิ่มกำลังการเฝ้าจับตาและสอดแนมและเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุดร่วมกับสหรัฐฯ
รอยเตอร์ชี้ว่า การยิงมิสไซล์ของเปียงยางวันนี้ (28) เกิดขึ้นระหว่างการฝึกซ้อมรบร่วมทางทะเลระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่เริ่มมาตั้งแต่วันจันทร์ (26) ทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี
เมโทร สื่ออังกฤษรายงานว่า การฝึกซ้อมรบร่วมเป็นระยะเวลา 4 วันนั้น มีเรือรบบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ USS Ronald Reagan เข้าร่วมการซ้อมด้วย
ซึ่งการยิงมิสไซล์วันอาทิตย์ (25) ของเกาหลีเหนือถูกมองว่าเป็นการยิงเพื่อตอบโต้การซ้อมรบร่วมครั้งนี้
รอยเตอร์รายงานว่า กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์วันนี้ (28) ว่า การยิงมิสไซล์ของเกาหลีเหนือไม่เป็นภัยคุกคามต่อกำลังพลสหรัฐฯ หรือดินแดนสหรัฐฯ
โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประณามการยิงขีปนาวุธทิ้งตัวล่าสุดของเปียงยางว่า “เป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาค” แต่ยืนยันว่าวอชิงตันยังคงยึดมั่นต่อช่องทางการทูตต่อไปและเรียกร้องให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา
ทั้งนี้ หลังจากมีการพบการยิงมิสไซล์จากเกาหลีเหนือ พบว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้จัดประชุมฉุกเฉินทันทีและประณามการทดสอบ ขณะที่สำนักงานทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล ประกาศจะเพิ่มศักยภาพมหาศาลเพื่อป้องปรามเกาหลีเหนือ
เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อช่วงต้นของวันพุธ (28) สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เปียงยางดูเหมือนสร้างอุโมงค์ที่ 3 เสร็จสิ้นแล้วภายในศูนย์การทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดิน พุงกเย-รี (Punggye-ri)
และยังคาดการณ์ว่า เปียงยางน่าจะใช้โอกาสในช่วงเวลาระหว่างการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนวันที่ 16 ต.ค. และการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 พ.ย.นี้สำหรับการเริ่มทดสอบนิวเคลียร์ครั้งถัดไป
ทั้งนี้ ในวันเสาร์ (24) เกาหลีใต้ตรวจพบสัญญาณบ่งชี้ว่า เปียงยางกำลังเตรียมพร้อมการยิงทดสอบมิสไซล์ทิ้งตัวจากเรือดำน้ำ หรือ SLBM ซึ่งเคยทดสอบก่อนหน้าเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา
ด้านยามฝั่งญี่ปุ่นรายงานการตรวจพบการยิงทดสอบมิสไซล์จากเกาหลีเหนือเช่นกัน โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น โทชิโร อิโนะ (Toshiro Ino) ออกมาประณามการทดสอบจากเปียงยางว่า “รับไม่ได้”
อ้างอิงจากสื่อนิปปอนของญี่ปุ่นพบว่า มิสไซล์พิสัยสั้น 2 ลูก ที่ถูกยิงออกมาได้ตกลงนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะทางทะเลของญี่ปุ่น
ซึ่งหลังการเยือนญี่ปุ่นของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ที่เดินทางร่วมพิธีศพอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แล้วเธอจะเดินทางต่อมาเยือนเกาหลีใต้ และมีกำหนดที่จะเดินทางไปเยือนเส้น DMZ เขตปลอดทหาร 2 ชาติเกาหลีที่หมู่บ้านปันมุนจอมวันพรุ่งนี้ (29)
เอเอฟพีรายงานว่า ทำเนียบขาวแถลงว่า การเยือนเส้น DMZ ของแฮร์ริสในวันพรุ่งนี้เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ของความเป็นพันธมิตรร่วมกับเกาหลีใต้
โดยระหว่างอยู่บนเรือรบพิฆาตของสหรัฐฯ USS Howard ที่เมืองโยโกซูกะ (Yokosuka) แฮร์ริสประณามการยิงมิสไซล์วันอาทิตย์ (27) ของเปียงยางว่า โครงการอาวุธผิดกฎหมายที่เป็นภัยคุกคามเสถียรภาพของภูมิภาคและยังละเมิดต่อมติมากมายของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ