รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศปิดโรงเรียน หน่วยงานราชการ รวมถึงปิดตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ (26 ก.ย.) พร้อมกับเร่งช่วยเหลือผู้อพยพหลายหมื่นคน หลัง “ไต้ฝุ่นโนรู” ซัดถล่มกรุงมะนิลา และหลายจังหวัดทางภาคเหนือจนทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ล่าสุด พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย
สำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า ไต้ฝุ่นโนรูซึ่งมีความแรงเทียบเท่าเฮอร์ริเคนระดับ 3 พัดขึ้นฝั่งเกาะลูซอนด้วยความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนจะอ่อนกำลังลงขณะที่เคลื่อนตัวผ่านเกาะ และกำลังมุ่งหน้าออกสู่ทะเลจีนไปยังประเทศเวียดนาม
แดเนียล เฟอร์นันโด ผู้ว่าการจังหวัดบูลาคัน (Bulachan) ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ DZMM ว่า มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิตไป 5 ราย ขณะที่ประชาชนต้องเดินลุยน้ำท่วมถึงระดับเอว และบางคนต้องขึ้นไปอาศัยอยู่บนหลังคาบ้าน
ประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำสิ่งของบรรเทาทุกข์และอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดส่งขึ้นเครื่องบินไปยังชุมชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งกำชับว่าภารกิจจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อผู้อพยพราว 74,000 คน สามารถกลับไปยังบ้านเรือนของตนเอง
มาร์กอส ซึ่งจะขึ้นเครื่องบินสำรวจความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นในช่วงบ่ายวันนี้ (26) ยังสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าฉุกเฉินไปยังจังหวัดเอาโรรา (Aurora) และนูเวบาเอซีฮา (Nueva Ecija) ทางตอนเหนือ ซึ่งชาวบ้านกำลังเดือดร้อนจากปัญหาไฟฟ้าดับ
เกาะลูซอนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจเกิน 2 ใน 3 ของประเทศ และเป็นบ้านของประชากรเกินครึ่งจากทั้งหมด 110 ล้านคน ได้เริ่มทำความสะอาดฟื้นฟูเมือง หลังจากที่ระดับน้ำท่วมในเขตกรุงมะนิลาเริ่มลดลงบ้างแล้ว
หมู่เกาะฟิลิปปินส์เผชิญกับพายุหมุนเขตร้อนเฉลี่ยปีละ 20 ลูก โดยเมื่อปี 2013 ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” ซึ่งเป็นไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรงสุดในประวัติศาสตร์ขณะที่พัดขึ้นฝั่ง ได้คร่าชีวิตชาวฟิลิปปินส์ไปถึง 6,300 คน
ที่มา : รอยเตอร์