อัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของไฟเซอร์ มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก เป็นครั้งที่ 2 ภายในเวลา 6 สัปดาห์ แม้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 4 เข็ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเคยอ้างว่าวัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามรายงานของอาร์ทีนิวส์
บูร์ลา เปิดเผยผลการตรวจเชื้อของเขาผ่านการโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ในวันเสาร์ (24 ก.ย.) เน้นย้ำว่าเขา "รู้สึกสบายดีและไม่มีอาการใดๆ" ทั้งนี้ ซีอีโอไฟเซอร์รายนี้ผ่านการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทตนเองมาแล้ว 4 เข็ม (เข็มปกติ 2 เข็มและเข็มกระตุ้น 2 เข็ม) และเคยบอกว่าเขายังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้นวัคซีนชนิดป้องกันไวรัส 2 สายพันธุ์ (Bivalent vaccine) ตอนที่เขาติดโควิด-19 รอบแรกในเดือนสิงหาคม
"แม้เรามีความคืบหน้าอย่างมาก แต่ไวรัสยังคงอยู่กับเรา" เขากล่าว
วัคซีนเข็มกระตุ้นล่าสุด ออกแบบมารับมืออย่างเจาะจงกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และสายพันธุ์ย่อยต่างๆ ของมัน แต่ดูเหมือนไม่ได้รับความนิยมนัก จากข้อมูลที่เผยแพร่โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) พบว่ามีประชาชนผู้มีสิทธิในสหรัฐฯ เพียง 1.5% ที่เข้ารับวัคซีนเข็มดังกล่าว ในช่วง 3 สัปดาห์หลังจากได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ)
เอฟดีเออนุมัติวัคซีนเข็มกระตุ้นชนิดป้องกันไวรัส 2 สายพันธุ์ แม้ในข้อเท็จจริงคือมันไม่เคยผ่านการทดลองในมนุษย์ โดยมีแค่การทดสอบในหนูเท่านั้น
บูร์ลา รักษาอาการติดเชื้อโควิด-19 หนแรก ด้วยแพ็กซ์โลวิด ยาเม็ดต่อต้านไวรัสที่ผลิตโดยไฟเซอร์ เช่นเดียวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และแอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของทำเนียบขาว ที่ต่างกลายเป็นเคสหายาก “rebound infections” ติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำอีกรอบ แม้กินยาต้านไวรัสแพ็กซ์โลวิดจนหายแล้ว
เมื่อปีที่แล้ว บูร์ลา อ้างผลการศึกษาหนึ่งในแอฟริกาใต้ เผยให้เห็นว่าวัคซีนของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)