xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus : อังกฤษน้อมส่งเสด็จฯ ‘ควีนเอลิซาเบธที่ 2’ พระราชพิธีพระบรมศพยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ขบวนรถยนต์อัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มุ่งหน้าสู่พระราชวังวินด์เซอร์ เพื่อประกอบพระราชพิธีฝังพระบรมศพที่โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.
ชาวอังกฤษ และทั่วโลกร่วมถวายความอาลัย “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2” ในพระราชพิธีพระบรมศพซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย. อย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติตามโบราณราชประเพณี ท่ามกลางพสกนิกรนับแสนที่ต่างพร้อมใจส่งเสด็จฯ สู่สถานที่ประทับสุดท้ายอันเป็นนิรันดร์

ประชาชนนับหมื่นคนต่างยืนสงบนิ่งตลอด 2 ฝั่งเส้นทาง ขณะที่รถปืนใหญ่เกียรติยศของราชนาวีอังกฤษซึ่งชักลากโดยทหารเรือ 142 นาย อัญเชิญหีบพระบรมศพซึ่งคลุมด้วยธงประจำพระองค์ และมีมงกุฎ Imperial State Crown ลูกโลกประดับกางเขน และคทาของพระมหากษัตริย์วางไว้เบื้องบน ค่อยๆ เคลื่อนออกจาก “เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์” ในอาคารรัฐสภา เพื่อไปยังสถานที่ประกอบพระราชพิธีพระบรมศพแบบรัฐพิธีภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ (West Minster Abbey)

สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระราชโอรสองค์โหญ่ของควีนเอลิซาเบธและกษัตริย์พระองค์ใหม่ของอังกฤษ ทรงพระดำเนินตามหลังรถปืนใหญ่อัญเชิญพระบรมศพ เช่นเดียวกับพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นๆ ขณะที่หอระฆังเทเนอร์ ในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ได้ลั่นระฆังจำนวน 96 ครั้งทุกๆ 1 นาที ตามจำนวนพระชนมายุของสมเด็จพระราชินีนาถ และหยุดลงราว 1 นาทีก่อนที่พระราชพิธีหลักจะเริ่มขึ้นในเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

จัสติน เวลบี อาร์กบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ได้กล่าวสดุดีพระเกียรติคุณของสมเด็จพระราชินีนาถที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ (Commonwealth)

“ผู้ที่อุทิศตนด้วยความรักนั้นหาได้ยากยิ่งในทุกชนชั้น และผู้นำที่อุทิศตนด้วยความรักนั้นหาได้ยากยิ่งกว่า แต่ในทุกๆ กรณีผู้ที่ทำงานรับใช้ผู้อื่นย่อมเป็นที่รักและเป็นที่จดจำ แต่ผู้ที่ยึดติดในอำนาจและอภิสิทธิ์ทั้งหลายย่อมถูกลืม” ส่วนหนึ่งของถ้อยคำสดุดีระบุ

บรรยากาศพระราชพิธีพระบรมศพภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
ประมุขราชวงศ์ทั่วโลกและผู้นำรัฐบาลต่างชาติราว 500 พระองค์และท่าน ได้เสด็จพระราชดำเนินและเดินทางมาร่วมพระราชพิธีสำคัญครั้งนี้ด้วย เช่น ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐ สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะแห่งญี่ปุ่น สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา แห่งภูฏาน สมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปเป และสมเด็จพระราชินีมาตีลด์ แห่งเบลเยียม สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเล็ม อเล็กซานเดอร์ และสมเด็จพระราชินีแม็กซิมาแห่งเนเธอร์แลนด์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ พระราชมารดา สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปน สมเด็จพระราชาธิบดีเลตซีที่ 3 แห่งเลโซโท และเจ้าชายปัฟโลส มกุฎราชกุมารแห่งกรีซ เป็นต้น

เจ้าชายจอร์จ พระชนมายุ 9 พรรษา และเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระชนมายุ 7 พรรษา พระโอรสและพระธิดาในเจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 1 พระองค์ใหม่ กับเจ้าหญิงแคทเธอรีน พระชายา ได้เสด็จฯ เข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพพระปัยยิกา (ย่าทวด) เช่นเดียวกัน

ประชาชนอีกหลายล้านคนต่างเฝ้าชมพระราชพิธีผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พระราชพิธีบรมศพของพระมหากษัตริย์อังกฤษได้รับการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

ประธานาธิบดี ไบเดน กล่าวหลังจากลงนามในสมุดถวายความอาลัยเมื่อวันอาทิตย์ (18) ว่า “ท่านทั้งหลายโชคดีที่ได้มีพระองค์ทรงเป็นพระประมุขมานานถึง 70 ปี เราทุกคนล้วนโชคดี... ทรงมีส่วนทำให้โลกนี้ดีขึ้น”

พระราชพิธีพระบรมศพภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์จบลงด้วยการเป่าแตรนอน “The Last Post” ตามมาด้วยการยืนสงบนิ่งถวายความอาลัยนาน 2 นาที ทั้งภายในมหาวิหารและทั่วทั้งอังกฤษ หลังจากนั้นหีบพระบรมศพได้ถูกอัญเชิญขึ้นรถปืนใหญ่เกียรติยศไปยังซุ้มประตูชัยเวลลิงตัน บริเวณสวนสาธารณะไฮด์ปาร์ก และต่อด้วยขบวนรถยนต์พระที่นั่งจากกรุงลอนดอนไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ในเขตเบิร์กเชียร์ทางตะวันตก ซึ่งใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 3 ชั่วโมง

ตลอด 2 ข้างทางมีชาวอังกฤษนับหมื่นคนรอส่งเสด็จฯ สมเด็จพระราชินีนาถเป็นครั้งสุดท้าย หลายคนยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บภาพพระราชพิธีประวัติศาสตร์นี้ไว้ ขณะที่อีกหลายคนร้องเพลง “God Save the Queen” และโยนช่อดอกไม้ลงบนท้องถนน เพื่อถวายความอาลัยต่อองค์พระประมุขที่ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานถึง 70 ปี

ประมุขราชวงศ์ยุโรปเข้าร่วมในพระราชพิธีพระบรมศพ ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน

สมเด็จพระราชาธิบดีและพระราชินีแห่งภูฏาน และสมเด็จพระจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จฯ เข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
ขบวนรถอัญเชิญพระบรมศพมุ่งหน้าไปยัง “โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ” ภายในพระราชวังวินด์เซอร์ เพื่อประกอบพระราชพิธีประดิษฐานพระบรมศพ โดยเจ้าพนักงานผู้สวมมงกุฎจะนำเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 3 อย่าง ซึ่งได้แก่ มงกุฎ ลูกโลกประดับกางเขน และคทาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจและธรรมาภิบาลของกษัตริย์ที่วางอยู่บนหีบพระบรมศพมาวางไว้ที่แท่นบูชา จากนั้นสมุหพระราชวัง (Lord Chamberlain) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดในสำนักพระราชวังทำการหัก “คทาราชสำนัก” (wand of office) และวางลงบนหีบพระบรมศพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่ารัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างสมบูรณ์

หลังจากนั้น หีบพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถูกหย่อนลงในที่เก็บพระบรมศพพื้นโบสถ์ และจัสติน เวลบี อาร์กบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี จะประกาศพร ตามด้วยการร้องเพลง “God Save the King”

สำหรับพิธีฝังพระบรมศพจริงถูกจัดขึ้นเป็นการส่วนพระองค์ในเวลา 19.30 น. โดยคณบดีแห่งวินด์เซอร์เป็นผู้นำประกอบพิธี

พระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถได้ถูกฝังลงเคียงข้าง “เจ้าชายฟิลิป” พระราชสวามีซึ่งสิ้นพระชนม์ไปเมื่อเดือน เม.ย. ปี 2021 ณ อนุสรณ์สถานพระเจ้าจอร์จที่ 6 (King George VI Memorial Chapel) ซึ่งเป็นห้องโถงประดิษฐานหีบพระศพราชวงศ์วินด์เซอร์ภายในโบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ

ในช่วงค่ำของวันอาทิตย์ (18) ก่อนจะถึงพระราชพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา ทรงมีพระราชดำรัสแสดงความ “ซาบซึ้งใจ” ต่อถ้อยคำปลอบโยนและกำลังพระทัยที่ทรงได้รับจากพสกนิกรตลอดระยะเวลา 10 วันหลังการสวรรคตของพระราชมารดา

“ขณะที่เราทั้งหมดกำลังเตรียมตัวอำลาสมเด็จพระราชินีนาถเป็นครั้งสุดท้าย ข้าพเจ้าใคร่ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกท่าน”

แม้อังกฤษจะเปลี่ยนแปลงไปมากนับตั้งแต่สมเด็จพระราชินีนาถทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์แห่งเดียวกันนี้ในปี 1953 ทว่าหน่วยงานทุกภาคส่วนยังคงพร้อมใจที่จะจัดพระราชพิธีพระบรมศพครั้งนี้ให้ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ และเพื่อเป็นการสืบสานโบราณราชประเพณีที่มีมายาวนานนับร้อยๆ ปี

จอห์น แมคคินนอน พนักงานบริษัทประกันภัยวัย 49 ปี ระบุว่า พระราชพิธีพระบรมศพ “สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน และงดงามตระการตาสมพระเกียรติของราชินีผู้ยิ่งใหญ่” ขณะที่ เจมี เพจ วิศวกรยานยนต์วัย 41 ปี ที่เคยรับราชการทหารและเข้าร่วมในสงครามอิรัก เอ่ยถึงสมเด็จพระราชินีนาถว่า “ทรงเป็นทุกๆ อย่าง” และทรงเป็นเสมือน “ของขวัญ” ที่พระเจ้ามอบให้แก่ชาวอังกฤษโดยแท้



แอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ สมุหพระราชวัง (Lord Chamberlain) ทำการหักคทาราชสำนัก (Wand of Office) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการสิ้นสุดรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อย่างสมบูรณ์
“โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ” บ้านหลังสุดท้ายของ “ควีน”

โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ (St.George’s Chapel) คือสถานที่แห่งสุดท้ายที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะประทับอยู่ตลอดกาล ทว่านอกจากพระองค์แล้ว ก็ยังมีพระบรมศพของอดีตกษัตริย์อังกฤษอีกหลายพระองค์ถูกฝังไว้ ณ สถานที่แห่งนี้

โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1475 ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ใช้เวลาก่อสร้าง 50 ปีจึงแล้วเสร็จ และได้รับการตกแต่งจนสมบูรณ์ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ซึ่งทรงโปรดปรานพระราชวังวินด์เซอร์มากเป็นพิเศษ

ปีกด้านทิศเหนือของโบสถ์เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระบรมศพของพระราชบิดา พระราชมารดา และพระอัฐิของเจ้าหญิงมาร์กาเรต พระกนิษฐาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งได้รับการ “ถวายพระเพลิง” ตามพระประสงค์ของเจ้าหญิงเอง

ในส่วนของหีบพระศพเจ้าชายฟิลิป ซึ่งถูกเก็บไว้ที่โถงประดิษฐานพระศพ (Royal Vault) ที่ชั้นใต้ดินของโบสถ์เซนต์จอร์จนับตั้งแต่สิ้นพระชนม์ไปเมื่อปีที่แล้ว ได้ถูกนำขึ้นมาฝังเคียงข้างกับพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถภายในอนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ด้วย

ทั้งนี้ ยังมีพระบรมศพของอดีตกษัตริย์และสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่นๆ ที่ถูกฝังไว้ภายในบริเวณโบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ เช่น

- พระศพของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 และพระชายา “เจน ซีมอร์” ถูกฝังไว้บริเวณที่ร้องเพลงสวด (Quire) ของโบสถ์เซนต์จอร์จ เช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ซึ่งทรงถูกประหารชีวิต และพระศพถูกนำมาฝังอย่างเงียบๆ ในบริเวณเดียวกัน

- พระศพของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระราชบิดาในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4 สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 และพระเจ้าเกออร์คที่ 5 แห่งฮันโนเฟอร์ ถูกฝังไว้ในบริเวณ Royal Vault

- พระศพของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 และสมเด็จพระราชินีแมรี พระอัยกาและพระอัยยิกาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถูกฝังที่บริเวณห้องเก็บพระศพตรงประตูทิศตะวันตก (West Door)

- พระศพของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 6 ซึ่งถูกย้ายจาก Chertsey Abbey มายังโบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ โดยทรงเป็นกษัตริย์อังกฤษพระองค์เดียวที่ขึ้นครองราชย์ขณะประทับอยู่ในฝรั่งเศส และทรงถูกคุมขังจนกระทั่งสวรรคตที่หอคอยลอนดอน (Tower of London) ในปี 1471

สำหรับพระศพเจ้านายอังกฤษบางพระองค์ที่ไม่ได้ถูกประดิษฐานภายในโบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ เช่น สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และ “วอลลิซ ซิมป์สัน” พระชายาชาวอเมริกัน ซึ่งพระศพถูกฝังไว้ที่สุสานหลวงฟร็อกมอร์ รวมถึงเจ้าหญิงไดอานา ที่พระศพถูกนำกลับไปฝังที่คฤหาสน์ของตระกูลสเปนเซอร์ในเขตอัลธอร์ป มณฑลนอร์แทมป์ตันเชอร์

โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ (St.George’s Chapel) ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระบรมศพควีนเอลิซาเบธที่ 2






















กำลังโหลดความคิดเห็น