เอเจนซีส์ - มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งบริษัทเฟซบุ๊ก มีมูลค่าความมั่งคั่งลดลงไปถึง 71 พันล้านดอลลาร์ภายปีนี้ หลังประสบปัญหากับโปรเจกต์เมตาเวิร์สที่ไม่รุ่งอย่างที่คิด ปัจจุบันมีแค่ 56 พันล้านดอลลาร์เท่านั้นกระทบอันดับเศรษฐีโลกตกไปอยู่ที่ 22 ท่ามกลางรายงานรั่วบริษัทเมทากำลังลดคนสั่งขึ้นบัญชีดำพนักงาน 30 วัน ให้หางานใหม่ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจ ข่าวดีศรีภรรยา คุณหมอพริสซิลลา ชาน กำลังตั้งครรภ์คนที่ 3
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานวันนี้ (22 ก.ย.) ว่า บริษัทเมตา (Meta) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กกำลังลดจำนวนพนักงานลง แต่ไม่ต้องการเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งว่ากำลังต้องการปลดพนักงานออกตามแบบทั่วไป
สื่อธุรกิจชี้ว่า เมตาใช้วิธีแยบยลด้วยการขึ้นบัญชีดำพนักงานแทนเรียกว่า “บัญชี 30 วัน” โดยพนักงานที่ถูกขึ้นบัญชีดำนี้จะมีเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้นในการหาตำแหน่งใหม่หรือไม่ก็ลาออกไปหากว่าแผนของคนเหล่านี้ถูกปรับลดลงหรือถูกสั่งปิด อ้างอิงจากวอลสตรีทเจอร์นัลซึ่งรายงานเป็นเจ้าแรก
วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานโดยอ้างจากแหล่งข่าววงในระบุว่า แทนที่บริษัทเมตาจะสั่งปลดพนักงานออกทันที ทางบริษัทอนุญาตให้พนักงานเหล่านี้มีเวลาไปสมัครทำงานกับแผนกอื่นให้ได้ภายในระยะเวลา 1 เดือนที่กำหนด
ทั้งนี้ พบว่าสิ่งนี้เป็นแนวปฏิบัติที่คุ้นเคยของบริษัทเมตา แต่มาจนถึงล่าสุดพบว่ากระทบพนักงานที่มีผลงานต่ำเท่านั้น แต่ทว่าบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ต่างกำลังเตรียมรับกับมรสุมภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอเมริกา ทำให้เมตาเริ่มใช้กระบวนการนี้สำหรับกลุ่มพนักงานที่มีศักยภาพสูงเช่นกัน
ซึ่งนอกจากเมตาแล้ว พบว่า บริษัทกูเกิลยังเป็นอีกบริษัทที่สั่งลดจำนวนพนักงานลงด้วยการให้เวลาพนักงานเป็นระยะเวลา 90 วันให้หาตำแหน่งใหม่ในบริษัทหรือไม่ก็ลาออก
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กที่มีมูลค่าทรัพย์สินลดลงร่วม 71 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้หลังโปรเจกต์เมตาเวิร์ส (Metaverse) ไม่รุ่งอย่างที่คาดหวังนั้นได้เคยอธิบายเกี่ยวกับพนักงานเมตาว่า บริษัทต้องการโยกย้ายทรัพยากรท่ามกลางการตกลงของรายได้ครั้งแรก
“แผนของเราคือการลดลงอย่างต่อเนื่องของจำนวนการเติบโตพนักงานไปจนถึงปีหน้า จะมีหลายทีมต้องลดขนาดให้เล็กลงเพื่อที่ทางเราจะสามารถย้ายพนักงานไปยังพื้นที่อื่นภายในบริษัทได้” ซัคเกอร์เบิร์กกล่าวระหว่างประชุมไตรมาสรายได้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ข่าวการลดจำนวนพนักงานเกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ทรัพย์สินสุทธิของมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์กในปีนี้หายไปถึง 71 พันล้านดอลลาร์ สื่อนิวส์9 (News9) ของสหรัฐฯ รายงานโดยอ้างอิงการคาดการณ์ของบลูมเบิร์ก ส่งผลทำให้ลำดับมหาเศรษฐีโลกของซัคเกอร์เบิร์กซึ่งกำลังมีข่าวดีรับทายาทคนที่ 3 เป็นลูกสาวร่วมกับภรรยาสุดที่รัก พริสซิลลา ชาง (Priscilla Chan) จากแต่เดิมอยู่ในลำดับที่ 3 ตกลงมาอยู่ลำดับที่ 22 ในการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์
เดลีเมล สื่ออังกฤษ ที่ได้รายงานข่าวทายาทคนใหม่ของเจ้าพ่อเมตาเวิร์ส ระบุว่า ปัจจุบันซัคเกอร์เบิร์กมีมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิที่ 56 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งทรัพย์สินที่หล่นหายไปนั้นนับตั้งแต่เขาได้เปลี่ยนเฟซบุ๊กให้เป็นบริษัทเมตา และกำหนดให้ทิศทางการทำธุรกิจของบริษัทมุ่งไปในแนวทางโปรเจกต์เมตาเวิร์สโลกเสมือนจริงแทน
นิวส์9 รายงานว่า ตั้งแต่เมตาถือกำเนิดเมื่อเกือบปีก่อนหน้าพบว่ามูลค่าหุ้นลดไปเกือบ 60% กระทบต่อทรัพย์สินความมั่งคั่งของซัคเกอร์เบิร์กทันที
บริษัทเมตาซึ่งต้องการเปิดตัวเมตาเวิร์สนั้นประสบปัญหาโมเดลธุรกิจแบบเก่าของตัวเองที่พึ่งพากับการขายโฆษณามหาศาล โดยนักวิเคราะห์ประจำ CFRA ด้านบริษัทโซเชียลมีเดีย แองเจโล ซีโน (Angelo Zino) แสดงความเห็นว่า ท่ามกลางบริษัทโซเชียลมีเดียทั้งหลาย บริษัทเมตา และบริษัท Snap นั้นพึ่งยูสเซอร์บนแพลตฟอร์ม iOS ของแอปเปิลมากที่สุด
และได้ชี้ไปที่คู่แข่งคือกูเกิลที่ยอดรายได้ดีกว่าเป็นเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์ม iOS ที่ได้ทำให้เป็นสิ่งที่ยากมากในการแทร็กกิงสำหรับบรรดาผู้ทำโฆษณาทั้งหลาย
นิวส์9 รายงานต่อว่า พบว่าเมตารายงานการตกครั้งแรกของยอดผู้ใช้ในเดือนกุมภาพันธ์แต่ในเวลาเดียวกันบริษัทได้เพิ่มค่าใช้จ่ายร่วม 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับโปรเจกต์เมตาเวิร์ส ที่ซัคเกอร์เบิร์กวาดหวังไว้แต่คาดว่าต้องใช้เวลานานอีกหลายปี สร้างความวิตกให้บรรดานักลงทุนที่เห็นการเพิ่มขึ้นของตัวเลขใช้จ่ายในช่วงเวลาสั้นแต่ไม่มีหลักประกันผลคุ้มค่า
แต่กระนั้นผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กยังคงมองโลกในแง่ดีโดยชี้ว่า “คุณรู้ไหมว่าวิสัยทัศน์หน้าสำหรับอินเทอร์เน็ตที่กว้างขึ้นมันอาจจะอยู่ที่นั่น คุณแค่ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่และจุดไหนกันแน่ที่เมตาจะยืนอยู่...สิ่งที่คุณรู้ทั้งหมดในตอนนี้คือ...สำคัญที่สุด...มันจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก”