เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนออกคำแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการ “สัมผัสร่างกายชาวต่างชาติ” เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อฝีดาษลิง (monkeypox) หลังจากมีการพบผู้ป่วยยืนยันรายแรกในจีนแผ่นดินใหญ่
อู๋ จุนโหย่ว (Wu Zunyou) หัวหน้านักระบาดวิทยาประจำศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน ได้โพสต์ข้อความลงบนบัญชีเวยปั๋วเมื่อวันเสาร์ (17 ก.ย.) โดยระบุว่า “เพื่อป้องกันความเสี่ยงติดเชื้อฝีดาษลิงและเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตอย่างมีสุขอนามัย จึงขอแนะนำว่า 1) อย่าสัมผัสร่างกายชาวต่างชาติโดยตรง”
เขายังบอกให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ที่เคยเดินทางไปต่างประเทศในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมไปบรรดา “คนแปลกหน้า” ทั้งหลาย
โพสต์ของ อู๋ ถูกแชร์อย่างกว้างขวางในสื่อโซเชียลจีนตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่เจ้าตัวจะปิดไม่ให้ชาวเน็ต “คอมเมนต์” ในช่วงเช้ามืดวันนี้ (19) ตามเวลาปักกิ่ง ทั้งนี้ เนื่องจากมีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า มีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่อาศัยอยู่ในจีนมานาน และอาจจะไม่ได้เดินทางออกนอกจีนเลยเนื่องจากติดมาตรการคุมเข้มโควิด-19 แล้วเหตุใดคนกลุ่มนี้จึงถูก “เหมารวม” ว่าเป็นอันตรายมากกว่าคนจีน
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ได้พยายามติดต่อ อู๋ เพื่อสอบถามในประเด็นนี้ ทว่ายังไม่ได้รับคำตอบใดๆ
ทางการนครฉงชิ่ง (Chongqing) ตรวจพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงเมื่อวันศุกร์ (16) โดยเป็นชายชาวจีนวัย 29 ปี ที่เพิ่งเดินทางกลับจากสเปนเมื่อวันที่ 14 ก.ย. และนับเป็นผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรายแรกในจีนแผ่นดินใหญ่
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อยังถือว่าน้อย เนื่องจากชายคนดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการกักกันโรค (quarantine) ทันทีที่เดินทางถึงฉงชิ่ง ขณะที่ผู้สัมผัสใกล้ชิดทุกคนถูกแยกกักตัว และมีแพทย์เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
ปัจจุบันมีผู้ป่วยฝีดาษลิงแล้วใน 90 ประเทศที่โรคนี้ไม่ใช่โรคประจำถิ่น ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยพบผู้ป่วยยืนยันแล้วมากกว่า 60,000 คนทั่วโลก
ที่มา : รอยเตอร์