ชาวแอฟริกาใต้จุดกระแสทวงคืน “เพชรคัลลินัน” ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์ชิ้นสำคัญของกษัตริย์อังกฤษ ภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
เพชรคัลลินันถูกขุดพบที่เหมืองในแอฟริกาใต้เมื่อเดือน ม.ค. ปี 1905 จัดเป็นเพชรคุณภาพอัญมณีดิบขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบ มีน้ำหนักถึง 3,106.75 กะรัต (621.35 กรัม) ความยาวประมาณ 10.5 ซม. ต่อมาได้ถูกส่งมอบเป็นของขวัญแก่ราชวงศ์อังกฤษ และถูกตัดแบ่งเจียระไนเป็นทั้งหมด 9 เม็ดใหญ่ๆ และอีก 96 เม็ดย่อย โดยเม็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดน้ำหนัก 530.4 กะรัต (106.1 กรัม) ได้รับการตั้งชื่อว่า “ดาวใหญ่แห่งแอฟริกา” (The Great Star of Africa)
ปัจจุบันเพชรเม็ดนี้ถูกประดับไว้ที่ยอดคทากางเขน (Sceptre with the Cross) ซึ่งเป็นคทาประจำพระองค์พระมหากษัตริย์อังกฤษ
แม้ข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถจะนำมาซึ่งความโศกเศร้าและถ้อยคำอาลัยจากผู้คนทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน ก็จุดกระแสถกเถียงเรื่องบทบาทและสถานะของราชวงศ์อังกฤษที่มีต่ออดีตรัฐในอาณานิคม
สื่อแอฟริกาใต้เริ่มจุดกระแสทวงคืนเพชร โดยมีการนำเสนอข้อถกเถียงว่าใครกันแน่ที่ควรเป็นเจ้าของ “ดาวใหญ่แห่งแอฟริกา” รวมถึงอัญมณีล้ำค่าอื่นๆ ที่ขุดพบในเหมืองของแอฟริกาใต้ ขณะที่ ส.ส.คนหนึ่งของพรรค African Transformation Movement (ATM) ถึงขั้นเสนอให้รัฐบาลถือโอกาสนี้ “ตัดสัมพันธ์” กับเครือจักรภพ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่
“แอฟริกาใต้ควรออกจากเครือจักรภพ เรียกร้องเงินชดเชยความเสียหายต่างๆ ที่อังกฤษเคยทำกับเรา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยึดโยงกับความต้องการของชาวแอฟริกาใต้เอง และไม่ใช่กฎบัตรแมกนาคาร์ตา (Magna Carta) ของอังกฤษ รวมถึงเรียกร้องให้มีการคืนทองคำและเพชรที่อังกฤษขโมยไป” ส.ส.คนดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ timeslive.co.za
ชาวแอฟริกาใต้กว่า 6,000 คนเข้าชื่อเรียกร้องให้อังกฤษคืน “ดาวใหญ่แห่งแอฟริกา” และนำมันมาจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้ ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปถึงประธานาธิบดี ซีริล รามาโฟซา ว่า แทนที่จะถวายความอาลัยต่อควีน เขาควรที่จะจี้ให้รัฐบาลอังกฤษรีบส่งคืนเพชรมากกว่า
ที่มา : Daily Star, Wikipedia