เจ้าชายวิลเลียม และพระชายาแคทเธอรีน ไม่เพียงแต่จะทรงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศใหม่ๆ ภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หากแต่ความมั่งคั่งของทั้ง 2 พระองค์ก็เพิ่มขึ้นแตะระดับ “พันล้านเหรียญ” ในชั่วข้ามคืน
ก่อนที่จะมีประกาศการสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อวันที่ 8 ก.ย. เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ทรงได้รับเงินทุนจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (Crown Estate), เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ (Sovereign Grants) และทรัพย์มรดกที่ทรงได้จากเจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดา ทำให้ทรงมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ราวๆ 34 ล้านปอนด์ หรือ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม การที่ทรงได้รับสืบทอด ‘ดัชชีแห่งคอร์นวอลล์’ (Duchy of Cornwall) ต่อจากพระบิดา ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของเจ้าชายวิลเลียม และพระชายาขยับขึ้นมาอยู่ที่ราวๆ 1,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 49,000 ล้านบาท
นอกจากจะดำรงพระอิสริยยศดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์แล้ว ทั้งสองพระองค์ยังทรงเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ รวมถึงดยุกและดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ด้วย
ดัชชีแห่งคอร์นวอลล์เป็นอาณาจักรทรัพย์สินที่มีมูลค่ารวมกว่า 1,100 ล้านปอนด์ ประกอบด้วยที่ดินราวๆ 52,000 เฮกตาร์ กระจายอยู่ใน 20 มณฑลของอังกฤษและแคว้นเวลส์ ครอบคลุมทั้งฟาร์มเกษตร บางส่วนของอุทยานแห่งชาติดาร์ตมัวร์ สนามคริกเก็ต รวมไปถึง “เรือนจำ” อีก 1 แห่ง
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลสฺที่ 3 เคยดำรงพระอิสริยยศดยุกแห่งคอร์นวอลล์อยู่นานกว่า 5 ทศวรรษ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ครองตำแหน่งนี้ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้สร้างรายได้ประมาณ 21 ล้านปอนด์ ในปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงสมัครพระทัยที่จะจ่ายภาษีเข้ารัฐในอัตราสูงสุด 45%
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากดัชชีแห่งคอร์นวอลล์ไม่ถูกนับว่าเป็น “บริษัท” ในทางกฎหมาย สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์จึงไม่ต้องจ่ายภาษีนิติบุคคล หรือภาษีกำไรจากการลงทุน (capital gains tax)
เรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์พอสมควรทั้งจากประชาชน และ ส.ส.อังกฤษ เนื่องจากดัชชีแห่งคอร์นวอลล์เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งเคยถูกใช้เพื่อการทำเหมือง และยังถือสัมปทานเหมืองด้วย นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ยังทรงตั้งบริษัทผลิตอาหาร Duchy Organics ขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ซึ่งหลายคนมองว่าแค่ “ชื่อ” ก็มีความเกี่ยวข้องกับดัชชีแห่งคอร์นวอลล์อย่างชัดเจน
แม้แบรนด์ดังกล่าวจะถูกขายให้บริษัท Waitrose ไปแล้ว ทว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยังคงมีอยู่
เมื่อได้รับพระราชมรดกนี้มาแล้ว จึงขึ้นอยู่กับเจ้าชายวิลเลียมว่าจะทรงบริหารจัดการอนาคตของอาณาจักรทรัพย์สินแห่งนี้ไปในรูปแบบใด
ที่มา : ladbible