รัสเซียยอมรับว่าถอนกำลังจากที่มั่นสำคัญทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนเมื่อวันเสาร์ (10) ถือเป็นความเพลี่ยงพล้ำครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่ทหารมอสโกถูกบีบให้ถอยร่นจากกรุงเคียฟในเดือนมีนาคม ขณะที่ทางประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี อวดอ้างว่า กองทัพยูเครนสามารถชิงพื้นที่คืนจากรัสเซียได้ทั้งสิ้นราว 2,000 ตารางกิโลเมตรนับจากเปิดฉากตอบโต้กลับเมื่อต้นเดือน
ยูเครนประกาศว่า การที่เมืองอิเซียม ซึ่งอยู่ในแคว้นคาร์คีฟ และรัสเซียยึดครองเอาไว้หลายเดือน ถูกฝ่ายเคียฟตีคืนมาได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามที่ยืดเยื้อมา 6 เดือน และสำทับว่า ทหารรัสเซียนับพันนายหนีจากที่มั่นดังกล่าวโดยทิ้งกระสุนและอาวุธไว้จำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ กองกำลังรัสเซียใช้อิเซียมเป็นฐานส่งกำลังบำรุงสำหรับการโจมตีภูมิภาคดอนบาสที่อยู่ติดกัน ทั้งนี้ ดอนบาสเป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญในภาคตะวันออกของยูเครนที่ประกอบด้วย 2 แคว้น คือ ลูฮันสก์ และโดเนตสก์ ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการรุกรานยูเครนที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เรียกขานว่าเป็น “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร”
สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า ได้สั่งการให้ทหารถอนออกจากบริเวณใกล้เคียงเมืองอิเซียม และไปเสริมปฏิบัติการในพื้นที่อื่นๆ ในแคว้นโดเนตสก์
ทาสส์รายงานต่อไปว่า หัวหน้าคณะบริหารของกลุ่มโปรรัสเซียในคาร์คีฟแจ้งให้ประชาชนอพยพและหนีไปรัสเซียเพื่อ “รักษาชีวิต” และผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า การจราจรแออัดมากเนื่องจากผู้คนพากันหนีออกจากพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย
หากข่าวอีเซียมแตกเป็นความจริง จะถือเป็นความเพลี่ยงพล้ำครั้งเลวร้ายที่สุดของรัสเซีย โดยที่หน่วยข่าวกรองตะวันตกประโคมสำทับว่า รัสเซียสูญเสียทหารจำนวนมาก ขณะที่ยูเครนได้โอกาสในการแสดงความฮึกเหิมเพื่อให้ชาติตะวันตกเห็นว่า สมควรให้การสนับสนุนพวกเขาต่อไป หลังจากที่กระแสนี้ตกลงไปมากในระยะหลังๆ ซึ่งฝ่ายรัสเซียทำท่ารุกคืบหน้าไปได้เรื่อยๆ แม้จะเป็นไปอย่างช้าๆ และวิกฤตราคาพลังงานสืบเนื่องจากมาตรการแซงก์ชันแดนหมีขาวของฝ่ายตะวันตก กำลังส่งผลด้านกลับ ทำให้ประชาชนในอียูแสดงความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ เคียฟถูกกดดันอย่างหนักให้โชว์ผลงานในสนามรบก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง ท่ามกลางคำขู่ของปูตินในการระงับการจัดส่งพลังงานทั้งหมดให้ยุโรป หากบรัสเซลส์เดินหน้าข้อเสนอจำกัดราคาน้ำมันส่งออกของรัสเซีย
ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ดูจะคิดถึงเรื่องนี้ เมื่อเขาแถลงว่า กองกำลังยูเครนแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถเอาชนะกองทัพรัสเซียได้ด้วยอาวุธที่พันธมิตรตะวันตกจัดหาให้ และย้ำว่า ยิ่งได้รับอาวุธมากขึ้นเมื่อไร ยิ่งเอาชนะรัสเซียได้เร็วขึ้นและทำให้สงครามจบเร็วขึ้น
ด้านประธานาธิบดี เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวระหว่างปราศรัยทางออนไลน์ทุกคืนตอนดึกของเขา เมื่อคืนวันเสาร์ว่า กองทัพยูเครนสามารถชิงพื้นที่คืนจากรัสเซียได้ทั้งสิ้นราว 2,000 ตารางกิโลเมตร นับจากเปิดฉากตอบโต้กลับเมื่อต้นเดือน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารของยูเครนเองไม่ได้ยืนยันว่า ยึดเมืองอิเซียมคืนได้แล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านี้ แอนดริว เยอร์แมค หัวหน้าคณะทำงานของเซเลนสกี โพสต์ภาพกองกำลังยูเครนในเมืองดังกล่าวพร้อมอิโมจิรูปองุ่น เนื่องจากอิเซียมแปลว่า ลูกเกด
การที่รัสเซียประกาศถอนทหารออกจากอิเซียมเกิดขึ้น หลังจากกองกำลังยูเครนอ้างว่าเข้ายึดเมืองคูเปียนสก์ ทางด้านเหนือสุด ซึ่งเป็นฮับเดียวบนเส้นทางรถไฟที่จัดส่งเสบียงและอาวุธให้กองกำลังรัสเซียในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนทั้งหมด ถ้าเป็นความจริง ทหารรัสเซียหลายพันนายอาจไม่สามารถเข้าถึงเสบียงในสนามรบบางแห่งที่ต่อสู้กันดุเดือดที่สุด
ช่วงหลายสัปดาห์มานี้ เคียฟประกาศเริ่มปฏิบัติการโต้กลับครั้งใหญ่ทางภาคใต้ซึ่งยังคงดำเนินอยู่ ทว่าไม่มีรายละเอียดออกมา กระทั่งเจ้าหน้าที่ยูเครนบางคนพูดแก้ว่าคงไม่สามารถรุกคืบหน้าอย่างรีบเร่งได้
ทางภาคตะวันออก เซียร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการของแคว้นลูฮันสก์ ซึ่งถูกฝ่ายรัสเซียยึดพื้นที่ไปได้แทบทั้งหมดก่อนหน้านี้ กล่าวอ้างในวันเสาร์ว่า กองทัพยูเครนมีความคืบหน้าอย่างมาก โดยมีการสู้รบกระจัดกระจาย แต่ส่วนใหญ่ผู้ยึดครองล่าถอยออกไป
เจ้าหน้าที่ยูเครนคนหนึ่งบอกว่า กองกำลังเคียฟปิดล้อมด้านตะวันออกของเมืองลีซีชานสก์ เมืองสำคัญแห่งหนึ่งในลูฮันสก์ที่รัสเซียยึดไปได้ในเดือนกรกฎาคม
อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังคงครองพื้นที่กว้างขวางในภูมิภาคดอนบาส และทางภาคใต้ใกล้คาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเป็นส่วนหนึ่งของตนตั้งแต่เมื่อปี 2014
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)