เอเจนซีส์ - ถือเป็นภาพปรากฏพระองค์ครั้งแรกนับตั้งแต่มิถุนายนของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี และร่วมกับพระชายาทั้งสอง เจ้าหญิงเคท และเมแกน มาร์เคิล ในวันเสาร์ (10 ก.ย.) เพื่อพบปะพสกนิกรชาวอังกฤษที่แห่มาร่วมถวายอาลัยแด่พระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 พร้อมกับกองทัพช่อดอกไม้และลูกบอลลูน รวมไปถึงข้อความแสดงความจงรักภักดีหน้าพระราชวัง ท่ามกลางการรายงานออกมาเหตุที่เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ไม่ได้ร่วมกับพระสวามี เจ้าชายแฮร์รี ไปเฝ้าพระราชินีนาถที่สกอตแลนด์เนื่องจากโดนใบสั่งห้ามเข้า
นิตยสารพีเพิล สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) กลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วเมื่อได้เห็นภาพการปรากฏพระองค์ครั้งแรกร่วมกันของพระราชโอรสทั้งสองในพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และเจ้าหญิงไดอานา เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ตามพระยศใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหญิงแคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ และเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ และเมแกน มาร์เคิบ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ถูกจับภาพร่วมกันเป็นครั้งแรก
โดยการปรากฏพระองค์ร่วมกันระหว่างเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รีเกิดขึ้นครั้งแรกหลังก่อนหน้าในเดือนมิถุนายนที่เป็นการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษ
พีเพิลรายงานว่า เป็นเรื่องสุดเซอร์ไพรส์สำหรับหลายคนในวันเสาร์ (10) ที่มีโอกาสได้เห็นสมาชิกราชวงศ์ยุคใหม่ที่เรียกว่า "fab four" อีกครั้ง โดยมีรายงานว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงตรัสเชื้อเชิญเจ้าชายแฮร์รี พร้อมกับเมแกน มาร์เคิล ให้เสด็จพระดำเนินไปด้วยกันรอบพระราชวังวินด์เซอร์ เพื่อพบปะกับฝูงชนชาวอังกฤษด้านนอกพระราชวังที่ร่วมใจถวายความอาลัยครั้งสุดท้ายแด่พระราชินีนาถพร้อมกับกองทัพช่อดอกไม้ บอลลูนสีธงชาติอังกฤษ และข้อความแสดงความรักและอาลัย
ทุกพระองค์ทรงอยู่ในชุดฉลองพระองค์สีดำไว้ทุกข์ ซึ่งทางสำนักพระราชวังเคนซิงตันกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า เจ้าชายแห่งเวลส์เป็นผู้ตรัสเชื้อชวนดยุก และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ให้เสด็จออกไปพร้อมกับพระชายาของพระองค์ เจ้าหญิงแห่งเวลส์
แหล่งข่าววงในราชสำนักอีกปากเปิดเผยว่า ทีมรักษาความปลอดภัยคาดไม่ถึงว่าทั้ง 4 พระองค์จะเสด็จออกไปยังด้านนอกพระราชวัง โดยเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และจะขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษพระองค์ใหม่สืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในอนาคตทรงคิดว่า การเสด็จไปพบกับประชาชนที่อยู่ในช่วงเวลาว้าเหว่สิ้นหวังด้านนอกนั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเป็นหนึ่งเดียวของสมาชิกราชวงศ์ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
“มันเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่หายากและยังเป็นสิ่งที่ประทับใจต่อคนหนึ่งที่ได้เห็นสมาชิกราชวงศ์นั้นสมัครสมานสามัคคีและให้การสนับสนุน (พระเจ้าแผ่นดิน) โดยเฉพาะบางทีบาดแผลภายในบางอย่างอาจถูกเยียวยา” แหล่งข่าวราชสำนักแสดงความเห็น
หนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ รายงานเพิ่มเติมว่า เด็กหญิงวินนี เดวิดจ์ (Winnie Davidge) วัย 13 ปี ที่โชคดีได้เข้าเฝ้าทั้ง 4 พระองค์วันเสาร์ (10) กราบทูลถามเจ้าชายแฮร์รีว่า พระองค์ทรงคิดถึงควีนเอลิซาเบธไหม และพระองค์ตรัสตอบว่า “ทั่วทั้งปราสาทรู้สึกเงียบเหงามาก หนูจะรู้สึกได้ว่าพระองค์ปรากฏในทุกห้อง” และได้กล่าวต่อฝูงชนว่า มันช่างเงียบเหงามากขึ้นในที่นั้นเมื่อปราศจากควีน
ด้าน บานิตา รานาว (Banita Ranow) วัย 28 ปี ได้ฟังเจ้าหญิงเคททรงรับสั่งตอบหนึ่งในประชาชนที่ถามเกี่ยวกับพระโอรสวัย 4 พรรษา เจ้าชายหลุยส์แห่งเวลส์เกี่ยวกับควีน โดยพระองค์ตรัสว่า “เจ้าชายหลุยส์ทรงตรัสว่าอย่างน้อยพระปัยยิกา (สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2) จะได้ทรงไปอยู่ร่วมกับพระปิตามหัยยิกา (เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ) แล้วในเวลานี้”
เดอะซันรายงานว่า ฝูงชนรอด้านนอกนานหลายชั่วโมงก่อนที่จะได้เข้าเฝ้าราชวงศ์ชั้นสูงทั้ง 4 พระองค์พร้อมกัน และแสดงความเห็นต้องการให้เรื่องระหองระแหงภายในราชวงศ์ยุติลง โดยหนึ่งในผู้ที่มาเข้าเฝ้าด้านนอกได้กราบทูลเจ้าชายวิลเลียม ว่า "พระอัยยิกาของพระองค์เป็นสตรีที่น่าทึ่ง"
ตามการรายงานของเดอะซันพบว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงตรัสสนทนากับ "เมแกน มาร์เคิล" และทรงเป็นผู้นำโบกพระหัตถ์ให้ฝูงชนเพื่ออำลาก่อนตรัสขอบคุณคนเหล่านั้น
ทั้งนี้ ในพระราชดำรัสของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในวันศุกร์ (9) นิตยสารพีเพิลชี้ว่า พระองค์ได้ทรงเอ่ยถึงเจ้าชายแฮร์รี และเมแกน มาร์เคิล โดยทรงตรัสว่า “ข้าพเจ้าขอแสดงความรักของข้าพเจ้าไปยังเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนระหว่างที่พวกเขายังคงใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน”
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (9) เปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ไม่สามารถเดินทางเสด็จร่วมกับพระสวามี เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์เพื่อไปเข้าเฝ้าควีนเอลิซาเบธที่ 2 ให้ได้ทันก่อนสวรรคตที่ปราสาทแบลมอรัล สกอตแลนด์ วันพฤหัสบดี (8) ทั้งๆ ที่ประทับอยู่ในกรุงลอนดอน
เดอะซันรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีเสด็จไปถึงเป็นพระองค์สุดท้าย และเป็นพระองค์แรกที่เสด็จออกไปจากปราสาทแบลมอรัล
โดยในครั้งแรกช่วงราวอาหารเที่ยงวันพฤหัสบดี (8) โฆษกประจำดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์แถลงออกว่า จะมีการเสด็จร่วมกันของทั้งสองพระองค์ไปยังสกอตแลนด์ แต่หลังจากมีใบสั่งทำให้เจ้าชายแฮร์รีจำเป็นต้องเสด็จตามลำพังโดยพระองค์ทรงประทับเครื่องบินและเกิดความล่าช้าทำให้พระองค์เสด็จถึงปราสาทแบลมอรัลในเวลา 19.52 น. หรือเกือบ 90 นาที หลังการประกาศข่าวการสวรรคตอย่างเป็นทางการ
และในเวลา 20.30 น.ของวันเดียวกัน (8) พระองค์ทรงเสด็จถึงสนามบินอะเบอร์ดีนเพื่อประทับเครื่องบินสายการบินบริติชแอร์เวย์สเพื่อเสด็จกลับกรุงลอนดอน เป็นการเสด็จพร้อมกับเจ้าหน้าที่อารักขา
หนึ่งในผู้โดยสารที่ได้เห็นพระองค์กล่าวว่า เจ้าชายแฮร์รีแทบไม่เคลื่อนไหวพระวรกายและดูเหมือนพระองค์ทรงจมอยู่ในความคิดที่เศร้าสลด เขากล่าวต่อว่า มันเป็นสิ่งที่น่าเศร้าที่ไม่มีสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่นอยู่ข้างเพื่อปลอบประโลม และผู้โดยสารรายนี้ตั้งความหวังว่าการสวรรคตของควีนจะช่วยทำให้เรื่องบาดหมางภายในราชวงศ์สามารถสมานได้
เดอะซันรายงานต่อว่า เป็นที่เข้าใจว่าระหว่างที่เจ้าชายแฮร์รี ประทับอยู่ในตำหนักกระท่อมฟร็อกมอร์ (Frogmore) ภายในพระราชวังวินด์เซอร์ ทรงได้รับคำสั่งจากพระราชบิดา พระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 3 ทางโทรศัพท์ไม่ให้นำ "เมแกน มาร์เคิล" มายังปราสาทแบลมอรัลเนื่องด้วย “ไม่มีความเหมาะสม”
แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า “เจ้าชายชาร์ลส์ตรัสว่า มันไม่ใช่สิ่งถูกต้องหรือเหมาะสมสำหรับเมแกนที่จะอยู่ที่ปราสาทแบลมอรัลในเวลาที่น่าเศร้าสลดเช่นนี้”
และแหล่งข่าวยังกล่าวต่อว่า “ได้มีการแสดงเหตุผลต่อพระองค์ (เจ้าชายแฮร์รี) ว่า เจ้าหญิงเคททรงไม่ได้เสด็จไปและจำนวนสมาชิกสมควรที่จะจำกัดให้เฉพาะกับพระประยูรญาติที่ใกล้ชิด โดยเจ้าชายชาร์ลส์ทรงตรัสอย่างชัดเจนว่าเมแกนจะไม่ได้รับการต้อนรับที่นั่น”
เดอะซันชี้ว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงปฏิเสธที่จะเสด็จด้วยเครื่องบินกองทัพอากาศอังกฤษ RAF เหมือนเช่นพระเชษฐา เจ้าชายวิลเลียมเพื่อไปสกอตแลนด์ และอีกทั้งเจ้าชายวิลเลียม ทรงเสด็จกลับออกมาจากปราสาทแบลมอรัลตามลำพังโดยไม่ได้เสด็จกลับพร้อมกับพระอนุชา แสดงให้เห็นถึงความระหองระแหงภายใน