กองทัพไต้หวันยิงโดรนพลเรือนจีนที่รุกล้ำเข้าไปในเขตน่านฟ้าไต้หวันบริเวณเกาะเล็กๆ ใกล้กับนครเซี่ยเหมินของจีนเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) ขณะที่นายกรัฐมนตรี ซู เจิงชาง ชี้กองทัพทำถูกต้องแล้ว เนื่องจากมีการ “เตือน” มาหลายครั้ง และขอให้จีนยับยั้งการกระทำเหล่านี้เสีย
เหตุกระทบกระทั่งดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่ไต้หวันร้องเรียนว่าถูกโดรนของจีนบินเข้ามา “ข่มขู่” ใกล้ๆ หมู่เกาะจินเหมิน (Kinmen Islands) หลายครั้ง นับตั้งแต่ปักกิ่งเริ่มเปิดการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน
นายกฯ ซู ให้สัมภาษณ์กับสื่อวันนี้ (2) ว่า ไต้หวันเคยเตือนจีนไปแล้วหลายครั้งว่า “อย่ารุกล้ำประตูบ้านของเรา”
“พวกเขาเพิกเฉยเมื่อเราเตือนให้ถอยออกไป และเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิงเพื่อป้องกันตัวเอง นี่คือการตอบโต้ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว หลังจากที่เราอดทนอดกลั้น และเตือนพวกเขาไปหลายรอบ”
ซู ย้ำว่าจีนเองควรที่จะ “อดทนอดกลั้น” ด้วยเช่นกัน
“เราไม่เคยยั่วยุก่อน และเราจะทำในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด เพื่อปกป้องดินแดนและประชาชนของเรา”
สื่อไต้หวันอ้างข้อมูลจากสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน ซึ่งแถลงว่า การที่ไต้หวันยิงสอยโดรนจีน “เพื่อกระพือความตึงเครียดเป็นเรื่องน่าขำ”
กองทัพไต้หวันระบุว่า โดรนจีนได้บินเข้าไปในเขตหวงห้ามบริเวณน่านน้ำเกาะสิงโต (Lion Islet) และถูกยิงจนร่วงตกลงไปในทะเล
จีนถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนในอธิปไตยของตน และได้เปิดการซ้อมรบรอบๆ เกาะประชาธิปไตยแห่งนี้ตั้งแต่ต้นเดือนที่แล้ว เพื่อตอบโต้การไปเยือนไทเปของ “แนนซี เพโลซี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
ไต้หวันมีการ “ยิงเตือน” ใส่โดรนจีนเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร (30) หลังจากประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน มีคำสั่งให้กองทัพ “ใช้มาตรการขั้นรุนแรง” กับสิ่งที่เธอเรียกว่าเป็นการกระทำยั่วยุของปักกิ่ง
หมู่เกาะจินเหมินซึ่งมีพื้นที่บางส่วนอยู่ห่างจากจีนแค่ไม่กี่ร้อยเมตร เป็นดินแดนในการควบคุมของไต้หวัน นับตั้งแต่พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) แพ้สงครามกลางเมืองให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ของ เหมา เจ๋อตง จนต้องหนีไปตั้งหลักที่ไทเปเมื่อปี 1949
ที่มา : รอยเตอร์