ผู้คนจำนวนมหาศาลยังจำได้ว่า ช็อกมาก เมื่อทราบข่าวมรณกรรมน่าสลดใจของเจ้าหญิงไดอานา เจ้าหญิงของประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุรถเมอร์เซเดสพุ่งอัดก๊อปปี้กับเสาค้ำอุโมงค์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และการลาจากโลกของเธอได้เวียนมาครบรอบ 25 ปีในวันนี้ (31 สิงหาคม)
สตรีสูงศักดิ์ด้วยชาติกำเนิดแห่งบรรดาศักดิ์ คุณหญิง หรือก็คือ เลดี้ไดอานา ผู้เป็นคุณครูวัยทีนเอจที่น่ารักด้วยบุคลิกเขินอายภายในโรงเรียนเนอสเซอรี ได้เจริญวุฒิภาวะขึ้นเป็นเซเลบคนดังก้องโลกด้วยความเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ รัชทายาทลำดับที่หนึ่งแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ เธอเปี่ยมล้นด้วยความเชื่อมั่นในพลังสร้างสรรค์ และก้าวออกมารณรงค์ให้ชาวโลกตื่นตัวกับทุกข์ของผู้ป่วยโรคเอดส์ ตลอดจนปัญหากับระเบิด
แต่แล้ว ณ วัยเพียง 36 กะรัต อันเป็นห้วงเวลาหนึ่งปีกว่าๆ ที่ได้หย่าร้างอย่างเป็นทางการ แยกขาดจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และกำลังใช้ชีวิตอิสระกับรักใหม่โดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เฉกเช่นที่เคยเป็นมา เจ้าหญิงไดอานาผู้เป็นปรินเซสที่ปราศจากบรรดาศักดิ์ Her Royal Highness - พระองค์เจ้า จำต้องจากโลกไปอย่างปุบปับ ในชะตากรรมที่สุดแสนจะดราม่า ซึ่งเรียกน้ำตาจากแฟนคลับจำนวนมหาศาล
“เมื่อนึกถึงบารมีอันมากมายที่เธอสร้างสมขึ้นมา การจากไปอย่างปุบปับด้วยอุบัติเหตุอันน่าสลดใจ ในวัยที่ยังเปี่ยมด้วยพละกำลังนี้ มันเป็นเรื่องน่าตกใจใหญ่หลวงสำหรับประชาชนครับ” เอ็ด โอเวนส์ นักประวัติศาสตร์คนสำคัญของอังกฤษกล่าวถึงชะตากรรมของเจ้าหญิงไดอานาไว้อย่างนั้น
บารมีดังกล่าวของเจ้าหญิงแห่งดวงใจประชาชน ตั้งอยู่บนความรักท่วมท้นที่ชาวอังกฤษและชาวโลกมอบแก่เธอ ดังปรากฏว่าผู้คนหลั่งไหลไปแสดงความอาลัยแด่เธอ ณ วังเคนซิงตันอันเป็นนิวาสสถานซึ่งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงประทานให้เธอพำนักอาศัยอย่างสมเกียรติแม้กระบวนการหย่าร้างเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ปลายปี 1996 (แล้วทรงพาพระโอรสทั้งสองพระองค์ย้ายไปพักอาศัยที่วังบังกิงแฮมกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง)
เจ้าหญิงไดอานาได้รับความรักเปี่ยมล้นจากดวงใจประชาชน ไม่ว่าเธอจะทำสิ่งใด ก็ล้วนแต่น่านิยมชมชื่น กระทั่งการที่เธอผิดประเวณี มีการลักลอบได้เสียกับชู้รักหลายรายขณะที่สถานภาพสมรสยังดำรงอยู่ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนเห็นใจว่าเธอต้องการความรักมาเยียวยาจากการที่ถูกเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทอดทิ้ง หรือแม้แต่ในช่วงที่เธอแยกทางกับพระสวามี เธอสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งนานหลายปีอยู่กับศัลยแพทย์ที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แฟนคลับก็ยังเอาใจช่วยเธอด้วยความรักและสงสารเจ้าหญิงแสนดีของประชาชน นับเป็นบารมีที่พิเศษเฉพาะตัวของเจ้าหญิงไดอานาโดยแท้
เลดี้ไดอานามีวาสนาสูง ได้ครองดวงใจเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ แล้วอัพเลเวลสู่ ว่าที่ราชินี - เจ้าหญิงที่ประชาชนรักยิ่ง
ในปี 1981 เมื่อมีการเปิดตัวให้ประชาชนได้ทราบว่าเลดี้ไดอานา สเปนเซอร์ ธิดาของเอิร์ลจอห์น สเปนเซอร์ เป็นพระคู่หมั้นของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์นั้น ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าไดอานาจะเป็นเจ้าหญิงที่ท้าทายต่อพระราชประเพณีต่างๆ เพราะเธอมีบุคลิกที่อ่อนหวานและเขินอาย
เลดี้ไดอานาอยู่ในระบบการศึกษาถึงอายุแค่ 16 ปีและสอบไม่ผ่านโอเลเวลถึงสองครั้ง หลังจากนั้น จึงไปเข้าเรียนฟินนิชชิ่งคอร์ส ที่สวิตเซอร์แลนด์หนึ่งเทอม ซึ่งเป็นคอร์สฝึกอบรมการเป็นนายหญิงของครอบครัวผู้ร่ำรวยด้วยเงินทองและบรรดาศักดิ์ แล้วจึงกลับสู่กรุงลอนดอน และเริ่มชีวิตการทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กและคุณครูโรงเรียนเนอสเซอรี
เลดี้ไดอานาเข้าสู่สายพระเนตรของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในช่วงครึ่งหลังของปี 1980 และได้เป็นพระคู่หมั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 1981 สาธารณชนให้การตอบรับอย่างอบอุ่นต่อข่าวที่เธอก้าวเข้าสู่พระราชวงศ์อังกฤษ เธอกลายเป็นเซเลบคนดังที่ผู้คนนิยมชมชื่นอย่างรวดเร็ว ในพระราชพิธีอภิเสกสมรส เมื่อ 29 กรกฎาคม 1981 ณ มหาวิหารเซนต์ปอล ผู้คนทั่วสหราชอาณาจักรและทั่วโลกแฮปปี้อย่างยิ่งกับการเฝ้าชมถ่ายทอดสดพระราชพิธี
ชีวิตใหม่ในฐานะเจ้าหญิงแห่งเวลส์เต็มไปด้วยการถูกผู้สื่อข่าวติดตามถ่ายภาพในทุกหนแห่งซึ่งเธอไป เอพีรายงานว่าขณะที่เจ้าหญิงไดอานาเกลียดการถูกกองทัพนักข่าวและช่างภาพล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวนั้น เจ้าหญิงก็ได้เรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากนักข่าว ซึ่งเจ้าหญิงได้ใช้สื่อมวลชนในการโปรโมทให้ผู้คนใส่ใจกับปัญหาสังคม ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงเมื่อเจ้าหญิงเป็นประธานพิธีเปิดหอผู้ป่วยสำหรับคนไข้โรคเอดส์โดยเฉพาะ เป็นแห่งแรกของอังกฤษในวันที่ 9 เมษายน 1987
เจ้าหญิงไดอานาสร้างความประทับใจใหญ่หลวงในหมู่ประชาชนเมื่อเธอนั่งใกล้ชิดและจับมือผู้ป่วยโรคเอดส์ ซึ่งเป็นการสาธิตให้เห็นว่าเชื้อไวรัสมิได้ติดต่อกันผ่านสัมผัส ภาพถ่ายกิจกรรมดังกล่าวปรากฏไปทั่วโลก และช่วยขจัดความกลัวและความรังเกียจที่สังคมมีต่อผู้ติดเชื้อเอดส์
หนึ่งทศวรรษต่อมา คือในต้นปี 1997 ซึ่งเจ้าหญิงไดอานาหย่าร้างจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แล้ว เธอไปเยือนประเทศแองโกลา เธอแต่งกายทะมัดทแมงและสวมแจ็กเกตต่อต้านการใช้กับระเบิด เธอลงเดินในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นสนามรบและเคยเต็มไปด้วยกับระเบิด เพื่อส่งเสริมผลงานการเคลียร์กับระเบิดขององค์การฮาโลทรัสต์ที่ปฏิบัติงานเก็บกู้กับระเบิดออกจากอดีตพื้นที่สงคราม
เอพีเล่าว่าเมื่อเจ้าหญิงไดอานาลงเดินบนพื้นที่ซึ่งเคยมากมายด้วยกับระเบิด แต่ช่างภาพไม่เข้าใจสัญลักษณ์นี้ เธอเดินกลับลงไปบนพื้นที่ดังกล่าวอีกรอบหนึ่ง
ภาพถ่ายกิจกรรมดังกล่าวของเจ้าหญิงไดอานาช่วยดึงความสนใจของนานาชาติมายังการรณรงค์กำจัดระเบิดมากมายที่ฝังอยู่ใต้ดินแม้ว่าศึกสงครามจบสิ้นไปนานแสนนานแล้ว กับระเบิดเหล่านี้เป็นต้นเหตุให้ประชาชนรวมถึงเด็กๆ จำนวนมากมายต้องพิการเท้าขาดและขาด้วนโดยไม่ใช่ที่อย่างยิ่ง ปัจจุบันนี้ มีประเทศต่างๆ 164 ชาติร่วมลงนามในสนธิสัญญาห้ามการใช้กับระเบิด
เลดี้ไดอานาได้เป็นเจ้าหญิงไม่ยากเย็น แต่ไม่อาจปรับตัวเข้ากับพระสวามี หมดโอกาสเป็นราชินี จากโลกไปในอาการบาดเจ็บสาหัส
“ตอนที่ดิฉันเริ่มได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน ดิฉันเข้าใจดีว่าสื่อมวลชนสนใจในสิ่งที่ดิฉันทำ แต่ตอนนั้น ดิฉันยังไม่ตระหนักว่าความสนใจจากสื่อมวลชนสามารถสร้างผลกระทบได้อย่างท่วมท้นเพียงใด อีกทั้งยังไม่ตระหนักว่าจะมีผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของดิฉันอย่างเหลือเกิน ขนาดที่ว่ามันยากจะอดทนได้” เจ้าหญิงไดอานากล่าวไว้ในปี 1993
และแล้วผลกระทบดังกล่าวได้แผลงฤทธิ์ครั้งสำคัญต่อชีวิตส่วนตัวของเจ้าหญิงไดอานา
โดยในยามดึกดื่นของคืนที่ 30 สิงหาคม 1997 กลุ่มช่างภาพปาปารัสซีผู้กระหายจะมีผลงานรูปถ่ายเด็ดๆ ปักหลักกันที่ด้านนอกโรงแรมริทซ์โฮเทลในกรุงปารีส รอคอยโอกาสที่จะได้ถ่ายรูปเจ้าหญิงไดอานากับเพื่อนชายคนสนิท โดดี ฟาเยด ในช่วงที่ทั้งสองออกจากห้องอาหารของโรงแรมและเดินทางกลับ
ทั้งนี้ พนักงานขับรถเมอร์เซเดสเบนซ์ของโดดี ฟาเยด ใช้ความเร็วสูงมากเพื่อขับเคลื่อนรถให้พ้นจากการติดตามของบรรดาช่างภาพ และเมื่อรถลีมูซีนมรณะคันนี้ขับเข้าสู่ทางอุโมงค์ลอดใต้สะพานปองต์เดอลัลมา รถเสียหลักพุ่งเข้าชนเสาคอนกรีตอย่างจังกระทั่งว่าลีมูซีนอันแข็งแกร่งต้องยับเยินไปทั้งคัน ส่งผลให้โดดี ฟาเยด กับพนักงานขับรถซึ่งมีระดับของแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ในเกณฑ์สูง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 0.26 นาฬิกาของวันที่ 31 สิงหาคม 1997
ขณะที่เจ้าหญิงไดอานามีอาการหนักน่าเป็นห่วง โดยนายแพทย์เฟรเดอริก มาเยเอส ซึ่งเป็นคุณหมอรายแรกที่เข้าถึงรถมรณะให้ข้อมูลว่าได้เห็นสุภาพสตรีในรถ หมดสติ ร่างกองอยู่บนพื้นรถโดยหัวเข่าแตะพื้น
“ผมเดินดิ่งไปยังซากรถ เปิดประตู และตรวจสภาพการณ์อย่างรวดเร็ว ผมเห็นคนในรถสี่คน มีสองคนที่เห็นได้ชัดว่าเสียชีวิตแล้ว ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ อีกสองคนยังไม่ตายและอาการสาหัส ชายที่นั่งข้างคนขับส่งเสียงร้องเจ็บปวด เขายังหายใจได้ เขายังรอได้ ส่วนคนที่สี่เป็นสตรี เธอคว่ำอยู่บริเวณที่นั่งแถวหลัง โดยเข่าของเธออยู่ที่พื้นรถ เธอหายใจติดขัด เธอต้องได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว” คุณหมอมาเยเอสชาวฝรั่งเศสเล่าทวนความหลังอย่างนั้นขณะให้สัมภาษณ์แก่เอพี โดยบอกว่าตนกำลังเดินทางกลับบ้าน และเป็นการขับรถเข้าไปประสบเหตุหลังจากที่วิบัติภัยดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นเพียงสักครู่ โดยซากรถยังส่งควันร้อนโชยออกมาตลอดเวลา
พร้อมนี้ นายแพทย์มาเยเอสเล่าด้วยว่า ตนรีบโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล และนำอุปกรณ์ช่วยหายใจไปปฐมพยาบาลสตรีรายดังกล่าว ซึ่งคุณหมอบอกว่าในตอนนั้น ไม่ทราบเลยว่าเธอคือเจ้าหญิงไดอานา แต่ทราบอยู่ว่ามีแสงแฟลชของนักข่าวถ่ายภาพโดยไม่รบกวนการปฏิบัติงานของคุณหมอ
รถกู้ภัยฉุกเฉินมาถึงจุดเกิดเหตุและต้องใช้เวลามากในการเคลื่อนย้ายเจ้าหญิงไดอานาออกจากรถ ทั้งนี้ คุณหมอบอกว่าใบหน้างดงามเกลี้ยงเกลาของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บ รถฉุกเฉินนำส่งเจ้าหญิงไปถึงโรงพยาบาลปีเต-แซลแปตริแยร์ ราวตี 2.06 นาฬิกา
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง มีการประกาศว่าเจ้าหญิงไดอานาเสียชีวิต ณ วันที่ 31 สิงหาคม 1997 สิริอายุเพียง 36 ปี 1 เดือน
อนึ่ง สำหรับชายที่นั่งข้างคนขับ เป็นองครักษ์ติดตามเจ้าหญิงไดอานา เขามีนามว่า เทรเวอร์ รีส์–โจนส์ และเขาเป็นคนเดียวในเมอร์เซเดสมรณะที่รอดชีวิต และมีชีวิตที่เรียกได้ว่าร่ำรวย อยู่ในปัจจุบัน
ทฤษฎีสมคบคิดผุดรัวๆ เจ้าหญิงไดอานาถูกฆาตกรรมอำพราง หลังอุบัติเหตุโลกตกตะลึงคร่าชีวิตสามศพ
ขณะที่ชาวโลกทั้งมวลพากันตกตะลึงกับข่าวอุบัติเหตุอันน่าสะเทือนใจ ผู้คนหลั่งไหลกันออกมาแสดงความอาลัยด้วยช่อดอกไม้ โน้ตไว้อาลัย รูปภาพ และสิ่งอื่นๆ มากมายอันเป็นเครื่องระลึกถึงเจ้าหญิงแห่งดวงใจประชาชน จนกระทั่งว่าทุกตารางนิ้วของพื้นที่ด้านนอกวังเคนซิงตันอันเป็นที่พักอาศัยของเจ้าหญิงไดอานาถูกปกคลุมไปหมดสิ้นด้วยสิ่งอันเป็นที่ระลึก นั้น ได้มีบางฝ่ายที่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าสลดแกมโล่งใจ
เพราะรักใหม่ในปีนั้นของเจ้าหญิงไดอานาเป็นหนุ่มใหญ่ฐานะร่ำรวยมหาศาล ผู้มีสถานภาพที่ปลอดอุปสรรคต่อการสมรสกับเจ้าหญิงคนสวย (หย่าร้างจากภรรยาเดิมเรียบร้อยกว่าสิบปีแล้ว) แต่เขาเป็นหนุ่มมุสลิม ซึ่งเรื่องนี้สร้างความกระอักกระอ่วนใจแก่หลายฝ่ายที่มองว่า หากพระมารดาของเจ้าชายวิลเลียม ผู้ซึ่งจะทรงเป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรในอนาคต ลุกขึ้นแต่งงานกับโดดี ฟาเยด ปัญหาจะพัวพันขึ้นได้ (แม้ว่าเจ้าหญิงไดอานาอาจจะไม่ยอมแต่งงานใหม่ เพราะนั่นจะเป็นเหตุให้หมดสิทธิ์ใช้คำนำหน้าว่าเจ้าหญิง) โดยบางฝ่ายคิดมากมายไปไกลถึงด้านความมั่นคง โดยนำคุณสมบัติต่างๆ ของโดดี ฟาเยด ไปเทียบกับเศรษฐีนักรบอย่างโอซามะ บิน ลาเดน
ในเวลาเดียวกัน เสียงวิเคราะห์ถึงความผิดปกติของภัยพิบัตินี้ทยอยปรากฏออกมาในทางที่ไม่เห็นด้วยกับความเห็นและข้อสรุปของทางการฝรั่งเศสและอังกฤษ และพัฒนาเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่พุ่งเป้าไปในประเด็นว่า เจ้าหญิงไดอานาถูกทางการฝรั่งเศสและทางการอังกฤษทำฆาตกรรมอำพรางหรือไม่
ผู้ที่จุดประเด็นข้อสงสัยอย่างเอาจริงเอาจัง คือ โมฮัมเมด อัล ฟาเยด บิดาของโดดี ฟาเยด ซึ่งโศกเศร้าเสียใจใหญ่หลวงที่ต้องสูญเสียบุตรชายที่รักยิ่งไปในอุบัติเหตุรถชนยับเยินครั้งนี้ โดยสื่อใหญ่ ดิ อินดีเพนเดนท์ ระบุว่าโมฮัมเมด อัล ฟาเยด มีข้อคลางใจที่พัฒนาเป็นทฤษฎีสมคบคิดในแง่มุมต่างๆ มากถึง 175 ประเด็น
ในการนี้ ในห้วงหลายปีหลังอุบัติเหตุนี้ นักวิเคราะห์หลากหลายสถาบันได้ตั้งคำถามนานาประการ เช่น ข้อกล่าวหาที่ว่าภายในช่องทางวิ่งรถในอุโมงค์ได้ปรากฏมีการสาดไฟจ้าเข้าตาของอ็องรี ปอล พนักงานขับรถ ซึ่งส่งผลร้ายต่อศักยภาพการขับรถที่แล่นด้วยความเร็วสูง ไปจนถึงการมีอดีตเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองลับของอังกฤษ (เอ็มไอ6) นามว่า ริชาร์ด ทอมลินสัน ให้ปากคำแก่ทางการฝรั่งเศสเมื่อปี 1999 ว่าเอ็มไอ6 มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ
โดยในหนึ่งปีก่อนหน้า บีบีซีออกรายงานข่าวเกี่ยวกับอดีตสปายทอมลินสัน ซึ่งระบุว่าหนึ่งในองครักษ์ติดตามเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งก็คือ เทรเวอร์ รีส์–โจนส์ ทำหน้าที่สื่อกลางติดต่อกับหน่วยข่าวกรองอังกฤษ ทั้งนี้ กลวิธีสาดไฟจ้าเล่นงานเป้าหมาย เป็นหนึ่งในแท็กติกที่สายลับเอ็มไอ6 ใช้กัน
นอกจากนั้น คำถามหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงกันมาก ได้แก่ ประเด็นว่าอุบัติเหตุสะเทือนขวัญนี้เป็นการประจวบเหมาะเกินไปหรือไม่ กล่าวคือ แทนที่เจ้าเมอร์เซเดสมรณะซึ่งเสียหลักพุ่งแฉลบ จะพุ่งไปชนกำแพงของอุโมงค์ทางลอดซึ่งมีพื้นที่ให้พุ่งชนมากมายนั้น เมอร์เซเดสกลับพุ่งเข้าปะทะเปรี้ยงปังกับต้นเสาค้ำอุโมงค์ได้อย่างแม่นยำดั่งมีแรงดึงลึกลับเข้าไปแทรกแซง ทฤษฎีนี้ผุดขึ้นในท่ามกลางข้อกังขาว่าเทรเวอร์ รีส์–โจนส์ อดีตทหารพลร่ม สามารถรอดตายแบบเหลือเชื่อเกินไป และเนื่องจากเขาเฉียดตายจากอาการกะโหลกศีรษะแตกหักหนักหนา ดังนั้น เมื่อเขาได้รับการรักษาจนกระทั่งอยู่ตัวแล้ว เขายืนยันว่าเขาสูญเสียความทรงจำ จึงไม่สามารถบอกได้เลยว่ารถเมอร์เซเดสพุ่งเข้าอัดขยี้กับต้นเสาได้อย่างไร
องครักษ์ผู้รอดตาย เทรเวอร์ รีส-โจนส์ จำเลยสังคมรายใหญ่ มีเส้นทางชีวิตใหม่ดี๊ดี ซื้อคฤหาสน์หรู 21 ล.อยู่กับลูกเมีย
เทรเวอร์ รีส-โจนส์ ซึ่งบัดนี้ตัดชื่อสั้นลงเหลือเพียง เทรเวอร์ รีส อดีตทหารพลร่มผู้แข็งแกร่งและเป็นอดีตองครักษ์ติดตามพิทักษ์เจ้าหญิงไดอานา โดยรับเงินเดือนจากบริษัทของโมฮัมเมด อัล ฟาเยด เป็นคนเดียวในรถเมอร์เซเดสมรณะ ที่รอดตายโดยได้รับบาดเจ็บสาหัส กระโหลกแตกหัก เขาอยู่ในภาวะโคมานาน 10 วัน ในขณะเดียวกันก็ได้รับการผ่าตัดและดูแลรักษาเป็นอย่างดีมากในโรงพยาบาลที่ฝรั่งเศสนานเดือนเศษกว่าจะสามารถเดินทางกลับประเทศอังกฤษโดยมีอาการความจำเสื่อม ไม่สามารถจำสิ่งที่เกิดขึ้นในอุบัติเหตุได้ และครึ่งปีต่อมาก็ลาออกจากบริษัทของโมฮัมเมด อัล ฟาเยด เพื่อถอยออกจากแรงกดดันแห่งอดีต สื่อเจ้าดัง ดิ อินดีเพนเดนท์รายงาน
เขาใช้ชีวิตเรียบง่าย เก็บเนื้อเก็บตัว เพื่อที่จะใช้ชีวิตปลอดโปร่ง ห่างไกลจากแรงกดดันในฐานะ “จำเลยสังคม” และแข็งแรงพอที่จะเล่นรักบี้ฟุตบอลได้ภายในปี 1998 แต่ในปี 2000 เขาออกหนังสือชีวประวัติเรื่ององครักษ์ เจ้าหญิงไดอานา รถชน และผู้รอดตายเพียงรายเดียว (The Bodyguard’s Story: Diana, the Crash, and the Sole Survivor)
ในปี 2011-2017 เทรเวอร์ รีส ได้งานเงินเดือนแพงในตำแหน่งผู้อำนวยการด้านความมั่นคงของบริษัทน้ำมันยักษ์ระดับโลก คือ ฮัลลิเบอร์ตัน ในประเทศอิรักช่วงสงครามอิรัก สื่อขาใหญ่ด้านข่าวราชวงศ์ เดลิเมล์ยูเค รายงาน
หลังจากนั้น เดินทางกลับอังกฤษ และได้งานตำแหน่งผู้อำนวยการความมั่นคงระดับโลกของบริษัทยักษ์ด้านเวชภัณฑ์ คือ แอสตร้าเซเนก้า
พร้อมนี้ เดลิเมล์ ยูเค ยังรายงานด้วยว่า เทรเวอร์ รีส มีชีวิตที่สุขสบายทีเดียว เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เขาซื้อบ้านหลังใหญ่ ราคา 21.25 ล้านบาทในเขตชรอปไชร์ เพื่ออยู่อาศัยกับภรรยา ลูกสองคน และสุนัขหนึ่งตัว
สิ่งที่น่าสังเกตคือ ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนวันครบรอบ 25 ปีอุบัติเหตุรถอัดก็อปปี้เสา คร่าชีวิตเจ้าหญิงไดอานา นั้น เทรเวอร์ รีส ณ วัย 54 ปี ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะ โดยนั่งรออยู่ในรถบีเอ็มดับเบิลยู่ ซึ่งนั่นเป็นการถูกพบเห็นเป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่เดินทางกลับมาใช้ชีวิตในประเทศอังกฤษ โดยยังไม่มีนักวิเคราะห์ออกมาตั้งข้อสันนิษฐานถึงนัยยะของความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ว่าจะเป็นการส่งสัญญาณอะไรไปถึงท่านใด
ด้านเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งครองหัวใจประชาชนหลายล้านรายทั่วโลก ยังถูกระลึกถึงเสมอ โดยเฉพาะในด้านคำกล่าวของเธอว่า เธอปรารถนาที่จะมีภาพลักษณ์อย่างไรภายในความทรงจำของผู้คน:-
“ดิฉันขอเป็นราชินีแห่งดวงใจชน แต่ดิฉันไม่ได้มองว่าตนเองจะเป็นราชินีของประเทศอังกฤษหรอกนะคะ ดิฉันไม่คิดว่าจะมีคนมากนักที่อยากให้ดิฉันเป็นราชินี”
เจ้าหญิงไดอานากล่าวไว้อย่างนั้นในตอนหนึ่งของเทปบันทึกสัมภาษณ์สุดฮือฮาที่เธอให้แก่ มาร์ติน แบเชียร์ ในรายการพาโนรามา ออกอากาศทางช่องบีบีซี เมื่อ 20 พฤศจิกายน 1995 อันเป็นการให้สัมภาษณ์ที่เธอยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ผิดประเวณีกับชู้รัก นามว่าที่ร้อยเอกเจมส์ ฮิววิตต์ ในช่วงปี 1986-1991 ซึ่งเธอยังอยู่ในชีวิตสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
หลังจากการให้สัมภาษณ์นั้น เธอและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์สามารถเสร็จสิ้นกระบวนการหย่าร้าวเป็นที่เรียบร้อยในเดือนสิงหาคม 1996 แล้วเกือบหนึ่งปีเต็มนับจากนั้นมา เจ้าหญิงของประชาชนก็จากโลกนี้อย่างครึกโครม
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เอพี ดิอินดีเพนเดนท์ เดลีเมล์ยูเค เดอะซันยูเค)