สมาชิกคนสุดท้ายของชนเผ่าพื้นเมือง “ตานารู” ในบราซิลซึ่งได้ฉายาว่า “มนุษย์หลุม” (The Man of the Hole) ถูกพบเสียชีวิตลงแล้วที่กระท่อมทางตะวันตกของป่าแอมะซอน หลังใช้ชีวิตโดดเดี่ยวไม่ติดต่อกับโลกภายนอกมานานเกือบ 30 ปี
มูลนิธิอินเดียนแห่งชาติ (National Indian Foundation) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลนโยบายเกี่ยวกับชนพื้นเมืองในบราซิล แถลงยืนยันการเสียชีวิตของ “มนุษย์หลุม” เมื่อวันเสาร์ (27 ส.ค.) ที่ผ่านมา โดยระบุว่าชายคนนี้เป็นสมาชิกชนเผ่าตานารูคนสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ และอาศัยอยู่โดดเดี่ยวภายในป่ามานาน 26 ปีแล้ว
เจ้าหน้าที่มูลนิธิซึ่งเดินทางเข้าไปสำรวจพื้นที่ตามวงรอบปกติ พบร่างของเขานอนเสียชีวิตอยู่บนเปลข้างกระท่อมเมื่อวันที่ 23 ส.ค. โดยปราศจากร่องรอยการถูกทำร้าย หรือผู้บุกรุก และเชื่อว่ามนุษย์หลุมน่าจะเสียชีวิตด้วย “สาเหตุตามธรรมชาติ”
อย่างไรตาม เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพของเขาไปชันสูตรเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต
Survival International ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสิทธิชนพื้นเมือง ระบุว่า “มนุษย์หลุม” เป็นสมาชิกชนเผ่าตานารูคนท้ายๆ ที่รอดจากการถูกไล่ล่าเมื่อช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งหลังจากนั้นมาเขาก็ปฏิเสธการติดต่อกับโลกภายนอกทุกรูปแบบ และมีการวางกับดัก หรือยิงลูกศรใส่ใครก็ตามที่พยายามเข้าไปรบกวน
สำหรับฉายา “มนุษย์หลุม” นั้นได้มาจากการที่เขามักใช้เวลาส่วนใหญ่ซ่อนตัวอยู่ในหลุมที่ขุดลึกลงไปในดิน ซึ่งบางครั้งก็ใช้เพื่อการดักสัตว์
“เขาเคยเผชิญกับความรุนแรงที่ทำให้ญาติมิตรของเขาตายจากไปหมด” Survival International ทวีตข้อความ “ตอนนี้เขาเองก็เสียชีวิต และนั่นเท่ากับว่าความพยายามที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขาได้สำเร็จลงแล้ว”
หลังทราบข่าวการจากไปของมนุษย์หลุม องค์กรเพื่อสิทธิชนพื้นเมืองแห่งหนึ่งในบราซิลได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งปิดพื้นที่อาศัยของชนเผ่าตานารูชั่วคราว อย่างน้อยก็จนกว่าผู้เชี่ยวชาญจะเข้าไปสำรวจเพื่อเก็บหลักฐานทางโบราณคดีและมานุษยวิทยา นอกจากนี้ ยังขอให้พื้นที่ดังกล่าว “ถูกเก็บไว้เป็นอนุสรณ์” เพื่อย้ำเตือนผู้คนว่าโศกนาฏกรรมจากการเข่นฆ่าชนพื้นเมืองไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก
ที่มา : CBS News