xs
xsm
sm
md
lg

คว่ำบาตรอีท่าไหน! คาด ศก.รัสเซียหดตัวแค่ 3% แต่ UK อ่วมผับบาร์ส่อเจ๊งระนาวเหตุค่าไฟแพง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจากเอพี
เศรษฐกิจของรัสเซียจะหดตัวไม่ถึง 3% ในปี 2022 น้อยกว่าที่คาดหมายไว้ในเบื้องต้นอย่างมาก แถมเงินเฟ้อจะต่ำกว่าตัวเลขประมาณการด้วย จากคำกล่าวอ้างของอันเดร เบลูซอฟ รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ในวันจันทร์ (29 ส.ค.) ผิดกับฝั่งสหราชอาณาจักร ซึ่งร่วมคว่ำบาตรมอสโก พบผับจำนวนมากทั่วประเทศจำเป็นต้องปิดให้บริการ สืบเนื่องจากแบกรับต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นไม่ไหว

เศรษฐกิจของรัสเซียถูกเล่นงานโดยมาตรการคว่ำบาตรอันหนักหน่วงของตะวันตก ตามหลังมอสโกเคลื่อนไหวส่งทหารหลายหมื่นนายยกพลบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่หลังจากนั้น เศรษฐกิจของรัสเซียพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้รับความเจ็บปวดจากมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่างที่กังวลกันในเบื้องต้น

เบลูซอฟ บอกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของรัสเซียจะหดตัวมากกว่า 2% เล็กน้อยในปีนี้ จากนั้นก็จะหดตัวไม่มากไปกว่า 1% ในปี 2023

ก่อนหน้านี้ จากตัวเลขประมาณการล่าสุดของกระทรวงเศรษฐกิจรัสเซียในช่วงกลางเดือนสิงหาคม บ่งชี้ว่าจีดีพีจะหดตัวราวๆ 4.2% ในปีนี้ หลังจากก่อนหน้านี้เคยเตือนว่าจะหดตัวมากกว่า 12% ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงจะถือเป็นการหดตัวทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตช่วงกลางทศวรรษ 1990 ตามหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

แม้เผชิญมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนและบริษัทต่างชาติหลายแห่งถอนตัวออกจากรัสเซีย แต่ เบลูซอฟ กล่าวว่า รัฐบาลไม่เห็นสัญญาณใดๆ ที่บ่งชี้ว่า สถานการณ์ตลาดแรงงานของประเทศกำลังเลวร้ายลง แม้ยังคงมีความเสี่ยงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม

อัตราคนว่างงานอยู่ที่ 3.9% ในเดือนมิถุนายน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเผยแพร่ข้อมูลในปี 1992 ส่วนภาวะเงินเฟ้อนั้น หลังจากพุ่งแตะระดับ 17.8% ในเดือนเมษายน สูงสุดในรอบ 20 ปี ตามหลังการพังครืนของค่าเงินรูเบิลที่ดิ่งแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เวลานี้ บูเลซอฟ คาดหมายว่าอัตราเงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ที่ 12-13%

เบลูซอฟ กล่าวต่อว่า การส่งออกที่ไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์จะลดลง 17% เนื่องจากรัสเซียสูญเสียการเข้าถึงตลาดยุโรป อย่างไรก็ตาม ยอดสินค้านำเข้าออกมาในแง่ดี โดยฟื้นตัวเกือบเป็นปกติแล้ว ผลจากเส้นทางการค้าใหม่ๆ และมาตรการการนำเข้าคู่ขนาน

กระนั้นการนำเข้าด้านการลงทุนได้รับผลกระทบหนักหน่วงมากกว่าด้านอื่นๆ โดย เบลูซอฟ คาดหมายว่าจะลดลงสูงสุด 1 ใน 5 ในปีนี้ "สถานการณ์ยังคงค่อนข้างยุ่งยาก สืบเนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ ทั้งด้านการนำเข้าอุปกรณ์ทางการลงทุน และมาตรการคว่ำบาตรอื่นๆ" เบลูซอฟกล่าว พร้อมคาดการณ์ว่าการลงทุนในทรัพย์สินประเภททุนจะลดลงแตะระดับต่ำสุดในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้และต้นปีหน้า

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดหมายของรัสเซีย สวนทางกับสหราชอาณาจักร ชาติที่ร่วมกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานมอสโก โดยล่าสุดสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานโดยอ้างคำพูดของบุคคลชั้นนำในภาคอุตสาหกรรมผับบาร์ของประเทศ ระบุในวันอังคาร (30 ส.ค.) ว่าผับบาร์ต่างๆ จำนวนมากของสหราชอาณาจักรอาจจำเป็นต้องปิดบริการ เนื่องจากราคาค่าพลังงานที่แพงขึ้นอย่างมาก พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าแทรกแซง

บรรดาผับขนาดใหญ่และเหล่าบริษัทเหล้าเบียร์ เปิดเผยว่า ผับบางแห่งพบเห็นบิลค่าไฟแพงขึ้นมากกว่า 3 เท่า ส่วนหนึ่งในวิกฤตค่าครองชีพที่กำลังได้รับผลกระทบในวงกว้าง

"เรามีเจ้าของร้านที่เผชิญกับค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 300% และบริษัทพลังงานบางแห่งปฏิเสธแม้กระทั่งแจ้งราคาสำหรับอุปทาน" วิลเลียม ลีส์ โจนส์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มผับเจดับเบิลยู ลีส์ กล่าว

ผู้เช่าผับแห่งหนึ่งในกลุ่ม Greene King ซึ่งมีสาขา 2,700 แห่ง พบเห็นบิลค่าไฟเพิ่มขึ้นมากกว่า 33,000 ปอนด์ในปีนี้ (ราว 1.4 ล้านบาท) จากการเปิดเผยของ นิค แม็คเคนซี กรรมการผู้จัดการกลุ่ม Greene King

"ในขณะที่รัฐบาลเปิดตัวมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนรับมือกับค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น แต่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญเรื่องนี้เพียงลำพัง และมันจะเลวร้ายลงไปกว่านี้อีกเมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน" เขากล่าว "หากรัฐบาลไม่แทรกแซงเพื่อสนับสนุนภาคอุสาหกรรมนี้ในทันที เรามีโอกาสเผชิญแนวโน้มว่าผับต่างๆ อาจไม่สามารถจ่ายบิลต่างๆ ได้อีกต่อไป พนักงานต้องตกงาน และชาวบ้านทั่วประเทศอาจจำเป็นต้องปิดประตู นั่นหมายความว่าความพยายามทำงานหนักใดๆ ก็ตามเพื่อให้ผับบาร์เปิดบริการระหว่างโรคระบาดใหญ่ อาจกลายเป็นการเสียเวลาเปล่า"

วิกฤตค่าครองชีพในสหาชอาณาจักรกำลังหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางเงินเฟ้อที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี มันกระตุ้นให้เกิดการประท้วงในวงกว้างต่อข้อเสนอขึ้นค่าแรงซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Ofgem ผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านพลังงาน ประกาศว่าจะปรับเพิ่มเพดานราคาพลังงานสำหรับผู้บริโภคโดยเฉลี่ยเป็น 3,549 ปอนด์ต่อปี โดยเพิ่มขึ้น 80% จาก 1,971 ปอนด์ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ท่ามกลางความคาดหมายว่าบิลค่าพลังงานจะปรับสูงขึ้นกว่านี้อีกตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า

แต่เพดานราคาพลังงานไม่ได้ใช้กับภาคธุรกิจ ดังนั้น บริษัทต่างๆ ในนั้นรวมถึง Greene King เจดับเบิลยู ลีส์ และอื่นๆ จึงเรียกร้องรัฐบาลผ่านจดหมายเปิดผนึกให้ขยายมาตรการกำหนดเพดานราคาพลังงานครอบคลุมถึงภาคธุรกิจด้วย

ผับต่างๆ ซึ่งเป็นแก่นกลางวิถีสังคมของสหราชอาณาจักรมานานหลายศตวรรษ ต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายมานานหลายปี ท่ามกลางภาวะพังครืนของเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์สกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และข้อจำกัดเว้นระยะห่างทางสังคม

จำนวนผับในอังกฤษและเวลส์ลดลงต่ำกว่า 40,000 แห่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้

สมาคมเบียร์และผับแห่งสหราชอาณาจักร บอกว่าราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากการปรับขึ้นราคาขายส่งและอุปทานที่ลดลงจากสงครามในยูเครน อาจก่อผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมนี้มากกว่าโรคระบาดใหญ่ด้วยซ้ำ หากไม่มีการลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

บรรดาร้านอาหารอิสระและร้านอาหารแบบสั่งซื้อกลับบ้าน ก็ส่งเสียงแสดงความกังวลเช่นกัน โดยในวันจันทร์ (29 ส.ค.) ร้านอาหารมากกว่า 750 แห่งลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล เตือนว่าเงินเฟ้อทางพลังงานและราคาอาหาร เช่นเดียวกับปัญหาขาดแคลนพลังงานและห่วงโซ่อุปทานล่าช้า เวลานี้กำลังทำให้ธุรกิจการบริการไร้ความยั่งยืน

(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น