xs
xsm
sm
md
lg

ฮือฮา! สาวอังกฤษจารึกประวัติศาสตร์ เป็นคนแรกประกวดนางงามโดยไม่แต่งหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้เข้ารอบสุดท้ายเวทีมิส อังกฤษ กลายเป็นสาวสายคนแรกที่เข้าประกวดโดยไม่แต่งหน้า ในประวัติศาสตร์เวทีประชันความงามที่มีนานเกือบ 1 ศตวรรษ

เมลิสซา ราอูฟ สาวงามวัย 20 จากกรุงลอนดอน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ผ่านรอบรอบรองชนะเลิศเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากเลือกเข้าชิงชัยด้วยหน้าสด และเวลานี้เธอจะเข้าประกวดรอบสุดท้าย ลุ้นชิงมงกุฎมาครอบครองในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

ราอูฟ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อินดิเพนเดนท์ของสหราชอาณาจักร หลังจากสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกในรอบ 94 ปี เป็นสาวงามคนแรกที่เข้าประกวดโดยไม่แต่งหน้า ใช้หน้าสดร่วมชิงมงกุฎกับสาวงามผู้ร่วมประกวดคนอื่นๆ อีก 40 คนที่ล้วนแต่งหน้าตามปกติ

“เรื่องนี้สำคัญต่อฉันมาก ฉันรู้สึกว่ามีผู้หญิงมากมายทุกช่วงวัยแต่งหน้าเพราะรู้สึกถูกกดดันให้ต้องทำ" เธอกล่าว "ถ้าใครสักคนรู้สึกดีกับผิวพรรณของตัวเอง เราก็ไม่ควรต้องปกปิดใบหน้าของเราด้วยเครื่องสำอาง ข้อบกพร่องต่างๆ ทำให้เราเป็นสิ่งที่เราเป็น และนั่นคือสิ่งที่ทำให้คนเราทุกคนมีเอกลักษณ์"

เธอบอกต่อว่า แม้เธอเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่เป็นสาวรุ่น แต่เธอตัดสินใจใช้หน้าสดสำหรับเข้าประกวด "ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าตาตรงตามมาตรฐานความสวยงาม ฉันเพิ่งยอมรับว่าฉันสวยตามแบบของฉันเมื่อไม่นานนี้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเข้าประกวดโดยไม่แต่งหน้า"

ราอูฟ บอกด้วยว่า “ฉันยังคงมั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม ถึงแม้จะมีเครื่องสำอางปกปิดอยู่ นี่คือตัวฉัน ฉันไม่กลัวที่จะแบ่งปันความเป็นตัวฉันให้ใครเห็น และต้องการแสดงให้ผู้คนได้เห็นกันว่าตัวจริงของเมลิสซานั้นเป็นอย่างไร”

แองจี บีสลีย์ ผู้อำนวยการกองประกวดมิสอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นเมื่อวันศุกร์ (26 ส.ค.) ว่า "เราเคยเปิดตัวการประกวดท็อปโมเดลรอบหน้าเปล่าในปี 2019 เนื่องจากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดส่งภาพตัดต่อแต่งหน้ากันเต็มพิกัด แต่เราต้องการเห็นตัวตนที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังเครื่องสำอาง"

ราอูฟ มีแผนชิงชัยรอบสุดท้าย ณ เวทีประกวดระดับประเทศ ในเดือนตุลาคมนี้ด้วยหน้าเปล่าอีกครั้ง ในเรื่องนี้ บิสลีย์ กล่าวว่า "เราอวยพรให้เธอโชคดีในการประกวดมิสอังกฤษ มันเป็นสิ่งที่กล้าหาญมากที่ทำเช่นนี้ ในขณะที่คนอื่นๆ ล้วนแต่แต่งหน้า แต่เธอกำลังส่งสารอันสำคัญถึงพวกสาวๆ"

(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น)


กำลังโหลดความคิดเห็น