xs
xsm
sm
md
lg

ยุโรปอ่วม! ค่าไฟในเยอรมนี-ฝรั่งเศสแพงขึ้น 10 เท่า เริ่มเจ็บปวดหลังโดนรัสเซียตัดลดอุปทานพลังงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ค่าไฟฟ้ายุโรปพุ่งทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ (26 ส.ค.) สัญญาณร้ายที่บ่งชี้ว่าภูมิภาคแห่งนี้เสี่ยงเผชิญกับฤดูหนาวที่สาหัสสากรรจ์ ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ก่อผลกระทบเจ็บปวดทางเศรษฐกิจไปทั่วทวีป

ราคาไฟฟ้าของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 1 ปีในเยอรมนี แตะระดับ 995 ยูโร (ราว 35,700 บาท) ต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง ส่วนฝรั่งเศส พุ่งผ่านระดับ 1,100 ยูโร (ราว 39,500 บาท) หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่า 10 เท่าในทั้ง 2 ประเทศ

ในสหราชอาณาจักร Ofgem ผู้ควบคุมกฎระเบียบทางพลังงาน เปิดเผยว่า จะปรับขึ้นเพดานค่าไฟและราคาก๊าซเกือบ 2 เท่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป เป็นเฉลี่ยแล้ว 3,549 ปอนด์ต่อปี (ราว 150,000 บาท)

Ofgem กล่าวโทษไปที่ราคาก๊าซขายส่งที่พุ่งทะยานทั่วโลก หลังยกเลิกข้อจำกัดสกัดโควิด-19 และความเคลื่อนไหวจำกัดอุปทานของรัสเซีย

สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของสหภาพยุโรป แถลงในวันศุกร์ (26 ส.ค.) ว่าจะเรียกประชุมฉุกเฉินด้านวิกฤตพลังงานโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ราคาพลังงานดีดตัวขึ้นในยุโรป หลังรัสเซียลดการจ่ายอุปทานก๊าซธรรมชาติที่ป้อนแก่ทวีปแห่งนี้ ขณะเดียวกัน มีความกังวลว่ามอสโกอาจตัดอุปทานหนักหน่วงกว่านี้ในช่วงฤดูหนาว ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างมอสโกและตะวันตก เกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน

ราว 1 ใน 5 ของกระแสไฟฟ้ายุโรปมีต้นกำเนิดจากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ ดังนั้นเมื่ออุปทานลดลง จึงเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ราคาจะพุ่งสูงเป็นเงาตามตัว

ทั้งนี้ ราคาก๊าซยุโรปในวันศุกร์ (26 ส.ค.) แตะระดับ 341 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดตลอดกาล ซึ่งเคยพุ่งทะยานไปถึง 345 ยูโร เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สงครามไม่ใช่ปัจจัยเดียวในฝรั่งเศส ความเคลื่อนไหวปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลายแห่ง สืบเนื่องจากประเด็นด้านการสึกหรอ ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผลักให้ราคาไฟฟ้าในฝรั่งเศสพุ่งสูง เนื่องจากกำลังผลิตไฟฟ้าในประเทศ ลดลงอย่างมาก

ในวันพฤหัสบดี (25 ส.ค.) EDF บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่เดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพียง 24 เตา จากทั้งหมด 56 เตา

ปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวส่งผลให้เวลานี้ฝรั่งเศสกลายเป็นผู้นำเข้า จากเดิมที่เป็นผู้ส่งออกไฟฟ้ามาช้านาน

"ฤดูหนาวปีนี้กำลังเป็นช่วงเวลาที่สาหัสสำหรับทุกประเทศในยุโรป" จิโอวานนิ การาวัตติ นักวิจัยผู้ช่วย จากสถาบันวิจัย Bruegl ในบรัสเซลส์ บอกกับเอเอฟพี "ราคาจะยังคงสูงต่อไป และมีความเป็นไปได้ที่มันจะสูงกว่านี้อีก"

ผลการศึกษาของ Bruegl พบว่า ประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปจัดสรรงบประมาณ 236,000 ล้านยูโร ตั้งแต่เดือนกันยายน 2021 ถึงสิงหาคม 2022 เพื่อปกป้องครัวเรือนและบริษัทต่างๆ จากราคาพลังงานที่พุ่งสูง ซึ่งเริ่มดีดตัวขึ้นมาตั้งแต่ครั้งที่หลายประเทศออกจากข้อจำกัดสกัดโควิด-19 และพุ่งทะยานยิ่งขึ้น หลังเกิดสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

เมื่อไม่นานที่ผ่านมา หลายประเทศได้แถลงแผนประหยัดพลังงาน สนับสนุนประชาชนให้ลดการบริโภคพลังงานระหว่างฤดูหนาว

เยอรมนีในวันพุธ (24 ส.ค.) แถลงจำกัดเพดานอุณหภูมิตามหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐที่ 19 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูหนาวนี้ และจะไม่มีการจ่ายน้ำร้อน นอกจากนี้ ยังมีการห้ามเปิดเครื่องทำความร้อนสระว่ายน้ำส่วนตัวเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป

ฟินแลนด์สนับสนุนให้พลเรือนปรับลดอุณหภูมิลง อาบน้ำน้อยลงและใช้เวลาในห้องเซาน่า ซึ่งเป็นธรรมเนียมของคนในประเทศ ให้สั้นลง

ส่วนฝรั่งเศส ครัวเรือนต่างๆ จะได้รับการปกป้องผ่านมาตรการจำกัดเพดานราคาพลังงาน ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม

ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่ดีดตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยโรงงานทั้งหลายที่ผลิตแอมโมเนีย ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ใช้ผลิตปุ๋ย แถลงระงับปฏิบัติการของพวกเขาในโปแลนด์ อิตาลี และนอร์เวย์ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

ธนาคาร HSBC เตือนในบันทึกว่า "ภาวะถดถอยในยูโรโซน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ด้วยเศรษฐกิจจะหดตัวในไตรมาส 4 และไตรมาสแรกของปี 2023"

(ที่มา : เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น