อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮาหมัด แห่งมาเลเซีย ออกมาให้ความเห็นวันนี้ (25 ส.ค.) ว่า นาจิบ ราซัก อดีตนายกฯ ผู้ฉาวโฉ่จากคดีปล้นกองทุน 1MDB มีโอกาสสูงที่จะได้รับพระราชทาน “อภัยโทษ” จากสมเด็จพระราชาธิบดี หลังถูกศาลสูงสุดพิพากษายืนโทษจำคุก 12 ปี ไปเมื่อวันอังคาร (23)
มหาเธร์ ซึ่งเคยนำกลุ่มฝ่ายค้านคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2018 จนทำให้ นาจิบ ต้องหลุดจากเก้าอี้ ชี้ว่า ความล่าช้าในการไต่สวนคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับการยักยอกเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) อาจส่งผลให้ท้ายที่สุดแล้ว “ความยุติธรรมไม่บังเกิด”
ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2020 ให้ นาจิบ มีความผิดอาญาฐานฟอกเงินและละเมิดต่อหน้าที่ (criminal breach of trust) สืบเนื่องจากการที่เขารับเงินผิดกฎหมายจำนวน 42 ล้านริงกิต มาจาก SRC International ซึ่งเคยเป็นหน่วยงานในสังกัด 1MDB โดยศาลได้พิพากษาให้จำคุกอดีตนายกฯ ผู้นี้เป็นเวลา 12 ปี และปรับอีก 210 ล้านริงกิต
นาจิบ ได้ยื่นอุทธรณ์ตามกระบวนการเรื่อยมา จนกระทั่งสัปดาห์นี้ศาลสูงสุดมาเลเซียได้พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ และยืนโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี ปรับอีก 210 ล้านริงกิต โดยไม่รอลงอาญา ทำให้อดีตนายกฯ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำทันที
“สำหรับ นาจิบ แล้วมีความเป็นไปได้มากกว่า เขาจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ หลังจากที่ถูกจำคุก (ไประยะหนึ่ง)” มหาเธร์ วัย 97 ปี ระบุ โดยไม่ขอลงรายละเอียดเพิ่มเติม
สำนักพระราชวังของสมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่านอับดุลละฮ์ รีอายาตุดดิน อัลมุซตาฟา บิลละฮ์ ชะฮ์ ซึ่งได้รับคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ นาจิบ เมื่อ 1 วันก่อนหน้า ยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ มหาเธร์ ออกมาพูด “ดักคอ” ในคราวนี้
เชื่อกันว่า นาจิบ นั้นมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมาชิกราชวงศ์มาเลเซียบางพระองค์ และเมื่อเดือน พ.ค. เขาก็ได้โพสต์ภาพขณะไปร่วมเฉลิมฉลองวันอีดกับสมเด็จพระราชาธิบดีลงในบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัวด้วย
อย่างไรก็ตาม สำนักพระราชวังยังคงสงวนท่าทีในเรื่องของการอภัยโทษให้แก่ นาจิบ ซึ่งเคยครองเก้าอี้ผู้นำมาเลเซียอยู่ 9 ปี จนถึงปี 2018 ขณะที่นายกรัฐมนตรี อิสมาอีล ซาบรี ยาคอบ ซึ่งพยายามฟื้นฟูชื่อเสียงของพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ที่ตกต่ำลงไปมากจากคดีทุจริตต่างๆ ก็ยังไม่ออกมาส่งสัญญาณใดๆ เช่นกัน
นาจิบ ถูกส่งตัวไปที่เรือนจำกาจัง (Kajang) เมื่อวันอังคาร (23) หลังแพ้อุทธรณ์หนึ่งในคดีทุจริตที่เกี่ยวกับการยักยอกเงิน 1MDB กองทุนซึ่งเขาร่วมก่อตั้งเมื่อปี 2009 และได้ถูกส่งตัวกลับไปยังศาลอีกครั้งในวันนี้ (25) เพื่อรับการไต่สวนความผิดอีก 21 กระทงฐานฟอกเงิน และอีก 4 กระทงฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งเกี่ยวกับการรับเงินผิดกฎหมายเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ต่ำกว่า 2,300 ล้านริงกิตในช่วงปี 2011-2014
อดีตผู้นำมาเลเซียรายนี้ยังตกเป็นจำเลยในคดีอื่นๆ อีก 3 คดี ซึ่งล้วนแต่มีโทษปรับและจำคุกหนักหนาสาหัสทั้งสิ้น
ที่มา : รอยเตอร์