ราคาน้ำมันขยับขึ้นเกือบ 4% ในวันอังคาร (23 ส.ค.) หลังซาอุดีอาระเบียนำเสนอแนวคิดให้โอเปกพลัสปรับลดกำลังผลิตในกรณีที่น้ำมันดิบอิหร่านหวนคืนสู่ตลาด ส่วนวอลล์สตตรีทปิดลบ จากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ขณะที่ทองคำปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 3.38 ดอลลาร์ ปิดที่ 93.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 3.74 ดอลลาร์ ปิดที่ 100.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอสพีเอ สื่อมวลชนแห่งรัฐ ว่าโอเปกพลัสมีหนทางต่างๆ ในการรับมือกับความท้าทายทั้งหลาย ในนั้นรวมถึงปรับลดกำลังผลิต
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวโอเปก 9 คนบอกกับรอยเตอร์ในวันอังคาร (23 ส.ค.) ว่าโอเปกพลัสอาจไม่ปรับลดกำลังผลิตทันที และจะดำเนินการให้สอดคล้องกับกรณีน้ำมันอิหร่านหวนคืนสู่ตลาด หากว่าเตหะรานบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับตะวันตก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนลบในวันอังคาร (23 ส.ค.) นักลงทุนโฟกัสไปที่ข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจชะลอตัว ก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่แจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ในช่วงปลายสัปดาห์
ดาวโจนส์ ลดลง 154.02 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 32,909.59 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 9.29 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,128.73 จุด แนสแดค ลดลง 0.27 จุด (0.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,381.30 จุด
เอสแอนด์พี 500 แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ตลอดทั้งวัน หลังจากข้อมูลเผยให้เห็นว่ากิจกรรมธุรกิจภาคเอกชนในสหรัฐฯ หดตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะในภาคบริการที่อ่อนแออย่างมาก ในขณะที่อุปสงค์อ่อนแอ ท่ามกลางเงินเฟ้อและเงื่อนไขทางการเงินที่ตึงตัว
ความเคลื่อนไหวของตลาดทุนผลักให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันในวันอังคาร (23 ส.ค.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 12.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,761.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)