เอเจนซีส์/เอพี/MGRออนไลน์ - พนักงานทวิตเตอร์ยอมรับ "อีลอน มัสก์" เป็นต้นเหตุทำให้ตัดสินใจลาออก เครียดไม่มั่นใจอนาคตบริษัทหลังดีลซื้อขายชะงักไม่คืบหน้า ด้านมัสก์ผู้ก่อตั้งเทสลาทวีตวานนี้ (21 ส.ค.) ประกาศขึ้นราคาซอฟต์แวร์ขับอัตโนมัติรถเทสลา FSD ที่จะช่วยทำให้รถเทสลามีความคูลมากขึ้นสำหรับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติแบบเหนือชั้นของเทสลา หลังปล่อยเวอร์ชัน Beta 10.69.2 ออกมาให้ทดลองใช้ คุยหากซื้อก่อนวันที่ 5 ก.ย. สาวกจะยังได้ราคาเดิม 12,000 ดอลลาร์ หรือ 433,134 บาท ตกแค่ 199 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราว 7,182 บาท เท่านั้น ชี้ FSD ดีกว่าซอฟต์แวร์มช่วยขับมาตรฐานออโต้ไพลอตที่ติดรถทุกรุ่นมาแบบเห็นๆ คนไทยอาจต้องเตรียมรับหลังมีข่าวเทสลาเตรียมเข้ามาลุยตลาดไทยเป็นทางการหลังมีการแจ้งจดทะเบียนตั้งบริษัท ใช้ชื่อ "เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด" แข่งค่ายรถไฟฟ้าจากจีนและยุโรป
CNBC สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) ว่า อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอใหญ่เทสลาประกาศข่าวดีวันอาทิตย์ (21) ไปยังสาวกรถไฟฟ้าเทสลา ว่า หลังปล่อยซอฟต์แวร์ขับอัตโนมัติ FSD Beta 10.69.2 ราคาแพกเกจของ FSD จะเพิ่มเป็น 15เค (15,000 ดอลลาร์ หรือราว 541,417 บาท ในอเมริกาเหนือตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.ที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ มัสก์ย้ำว่า ราคาปัจจุบันของซอฟต์แวร์ FSD ที่ย่อมาจาก Full Self-Driving หรือการขับอัตโนมัติแบบตัวเต็มจะได้เฉพาะกับลูกค้าที่สั่งก่อนวันที่ 5 ก.ย. แต่จะถูกส่งมอบในภายหลังเหมือนจะบอกให้รู้กลายๆ ว่าหากสนใจเทสลาให้รีบสั่งซื้อเข้ามาได้เลย
พร้อมกับชี้ว่า ผู้ใช้สามารถอัปเกรดรถเทสลาของตัวเองที่มีอยู่เพื่อใช้ซอฟต์แวร์ FSD ผ่านเทสลาแอป ใช้เวลาแค่ 2 นาทีเท่านั้น
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ปัจจุบันราคาซอฟต์แวร์ FSD อยู่ที่ 12,000 ดอลลาร์ (433,134 บาท) หรือราว 199 ดอลลาร์ต่อเดือน (7,182 บาท)
ทั้งนี้ รถเทสลาทุกรุ่นจะมาพร้อมกับซอฟต์แวร์สนับสนุนการขับที่เรียกว่า ออโต้ไพลอต (Autopilot) ที่มีฟีเจอร์เป็นต้นว่า Traffic-Aware Cruise Control และ Autosteer โดยฟีเจอร์ผู้ช่วยเหล่านี้จะอาศัยกล้อง ระบบเซ็นเซอร์ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จะทำให้รถเทสลาสามารถยังคงอยู่กลางเลนและเดินทางด้วยอัตราเร็วภายใต้การจราจรโดยรอบได้อย่างอัตโนมัติ
ซึ่งระบบขับอัตโนมัติ FSD เป็นระบบอัปเกรดสูงสุดของซอฟต์แวร์การสนับสนุนการขับขี่อัตโนมัติของเทสลาที่เป็นผู้บุกเบิกรถไฟฟ้าที่มีระบบการขับอัตโนมัติ แต่ปัจจุบันเทสลายังไม่สามารถทำให้รถของตัวเองขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยปราศจากมนุษย์นั่งหลังพวงมาลัยได้
และอีกทั้งที่ผ่านมา เทสลาในอเมริกายังประสบปัญหาอุบัติเหตุ โดยเอพีรายงานเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า สำนักงานความปลอดภัยทางหลวงสหรัฐฯ NHTSA (National Highway Traffic Safety Administration) กำลังสอบสวนเทสลาถึงระบบขับอัตโนมัติ Autopilot ของเทสลาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ 2 ครั้งเป็นเพราะรถไม่ยอมจอด
เอพีชี้ว่า NHTSA เชื่อว่าในอุบัติเหตุทั้ง 2 ครั้งมีการใช้ระบบสนับสนุนการขับอัตโนมัติเกี่ยวข้อง
ด้าน ไมเคิล บรูคส์ (Michael Brooks) รักษาการผู้อำนวยการบริหารกลุ่มเอ็นจีโอ ศูนย์ความปลอดภัยยานยนต์ (Center for Auto Safety) ออกมากดดันให้ NHTSA สั่งเรียกคืนระบบออโต้ไพล็อตของเทสลา โดยชี้ไปว่า ระบบไม่รับรู้ตอบสนองต่อคนขับมอเตอร์ไซค์ รถฉุกเฉิน หรือคนเดินทางเท้า
CNBC ชี้ว่า ขณะที่ซอฟต์แวร์ขับอัตโนมัติ FSD ที่มีราคาแพงมากถึง 15,000 ดอลลาร์หรือกว่า 500,000 บาท จะมอบความปลอดภัยที่มากกว่าให้ผู้ขับ โดยก่อนหน้านี้บริษัทเทสลาอ้างว่า มียอดเจ้าของรถเทสลาถึงแสนคนที่ได้ติดตั้งระบบขับอัตโนมัติ FSD แล้วที่หมายความว่าคนเหล่านี้ยอมจ่ายเพิ่มราคาหูฉี่สำหรับซอฟต์แวร์ขับอัตโนมัติพิเศษนี้
การออกมาขึ้นราคาซอฟต์แวร์ขับอัตโนมัติอาจส่งผลต่อลูกค้าหน้าใหม่ในไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากการที่มีข่าวก่อนหน้าว่า ทางเทสลาเตรียมเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ โดย MGRออนไลน์รายงานเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า พบว่าเทสลาอเมริกาเข้ามาจดทะเบียนบริษัทในไทยใช้ชื่อ เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้ทุนจดทะเบียน 3,000,000 บาท
โดยในจุดประสงค์ในการดำเนินกิจการระบุไว้ว่า “ประกอบกิจการขายรถยนต์ไฟฟ้า ระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้งและอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้ง ระบบผลิตพลังงานและอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบพลังงาน” ซึ่งทั้งหมดนี้คือ การขายรถยนต์และระบบโซลาร์เซลล์ที่เกี่ยวเนื่องกับการชาร์จไฟฟ้าของเทสลา นั่นเอง
ด้านผู้บริหาร พบว่า มีการระบุกรรมการ 3 คน โดย อันดับ 1 เป็นชื่อ นายเดวิด จอน ไฟน์สไตน์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารของเทสลา ที่รับหน้าที่ในการดูแลตลาดเกิดใหม่ ซึ่งล่าสุดเขาได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาในอินเดีย ดังนั้นการมีชื่อของนายเดวิด ไฟน์สไตน์ จึงทำให้มั่นได้ว่าเป็นเทสลามาทำตลาดเองอย่างแน่นอน
แต่ทว่าอีลอน มัสก์ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างคดีความทางกฎหมายกับบริษัททวิตเตอร์ในเรื่องดีลการซื้อ 44 พันล้านดอลลาร์ แต่ล่าสุดบิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า ดีลประวัติศาสตร์สร้างความกดดันให้พนักงานทวิตเตอร์ถึงขึ้นเกิดกระแสแห่ลาออก
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานวันพุธ (17) ที่ผ่านมาว่า หนึ่งในพนักงานทวิตเตอร์ปัจจุบันที่กำลังหาทางลาออกจากบริษัทแสดงความรู้สึกว่า “ผมแค่รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยทางจิตใจเป็นอย่างมาก”
ซึ่งบรรดาพนักงานต่างชี้ไปถึงปัญหาข้อตกลงดีลซื้อขายทวิตเตอร์แห่งปีระหว่างอีลอน มัสก์และบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยเป็นการภายในพบว่าพนักงานทวิตเตอร์ต่างพากันคาดการณ์คดีความทางกฎหมายที่ทวิตเตอร์ยื่นเพื่อบังคับมัสก์ให้เขาต้องตกลงซื้อบริษัททวิตเตอร์ในราคา 44 พันล้านดอลลาร์ และผลสุดท้ายของมันที่จะตามมาในที่สุด
ขณะที่พนักงานทวิตเตอร์อีกรายเปิดเผยว่า ทั้งตัวเองและพนักงานคนอื่นไม่เชื่อมั่นในระดับผู้นำของบริษัทภายใต้การบริหารของซีอีโอ ปารัค อากราวาล (Parag Agrawal) หลังปล่อยให้อีลอน มัสก์ สามารถเข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้ทวิตเตอร์ได้ ทั้งนี้ อากราวาลเข้ามารับไม้ต่อจากผู้ก่อตั้งร่วม แจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า อดีตพนักงานทวิตเตอร์ที่เพิ่งลาออกและย้ายไปทำงานกับบริษัทไฮเทคอีกแห่งยืนยันว่า “เสียงประชามติส่วนใหญ่จากพวกเราคือพวกเขาทำงานได้ห่วย”
สื่อธุรกิจกล่าวว่า ทวิตเตอร์กำลังประสบปัญหาขวัญกำลังใจต่ำ แต่ประเด็นที่ทำให้บรรดาพนักงานลาออกจำนวนมากเกิดมาจาก "อีลอน มัสก"
ซึ่งปัญหาเกิดจากที่มัสก์ออกมาแสดงความเห็นทางสาธารณะที่ถือว่าเป็นวัฒนธรรมองค์กรสำคัญของทวิตเตอร์ เป็นต้นว่า ความหลากหลาย และการทำงานทางไกล หนึ่งในอดีตพนักงานที่เพิ่งลาออกเปิดเผยว่า “มีคนจำนวนมากลาออกจนทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องสั่งเลิกจ้างเพิ่ม” บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า แค่ภายในช่วงระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีพนักงานทวิตเตอร์ไม่ต่ำกว่า 36 คนที่ลาออกมา โดยทั่วโลกทวิตเตอร์มีพนักงานรวมกันกว่า 7,000 คน