ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย เชิญชวน “เทสลา” (Tesla) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์หนึ่งของโลก ให้เข้าไปตั้งโรงงานผลิตทั้งแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าในแดนอิเหนาแบบครบวงจร ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
วิโดโด หรือที่ชาวอินโดนีเซียเรียกขานกันติดปากว่า “โจโกวี” ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กว่า สิ่งที่อินโดนีเซียต้องการคือ “ระบบนิเวศที่ใหญ่โตของรถยนต์ไฟฟ้า” ไม่ใช่แค่การเข้ามาอาศัยทรัพยากรผลิตแบตเตอรี่เท่านั้น
เขาบอกด้วยว่า อินโดนีเซียอาจพิจารณาจัดเก็บภาษีส่งออก “นิกเกิล” ภายในปีนี้เพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเคยออกมาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า การเก็บภาษีส่งออกนิกเกิลอาจจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงไตรมาส 3
วิโดโด และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินโดนีเซียได้มีการหารือกับ “อีลอน มัสก์” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเทสลาเมื่อต้นปีนี้ โดยขอให้ มัสก์ พิจารณาใช้อินโดนีเซียเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค นอกเหนือไปจากการตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว
ผู้แทนของเทสลายังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในประเด็นนี้ ส่วนกระทรวงการลงทุนของอินโดนีเซียยังไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับโอกาสในการทำข้อตกลงร่วมกับเทสลา
ลูฮุต ปันไจตัน รัฐมนตรีอาวุโสของอินโดนีเซียซึ่งดูแลเรื่องการเจรจากับเทสลา บอกกับสื่อเมื่อต้นเดือนนี้ว่า เทสลาได้ทำข้อตกลงสั่งซื้อนิกเกิลจากผู้ผลิตบนเกาะสุลาเวสี เป็นมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
ระหว่างพบกันเมื่อเดือน พ.ค. ประธานาธิบดี โจโกวี ยังได้เชิญชวน มัสก์ ให้ไปเยือนอินโดนีเซียในเดือน พ.ย. ซึ่งรัฐบาลอิเหนาจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมซัมมิต G20 ที่เกาะบาหลี
ปัจจุบันมีบริษัทต่างชาติหลายรายที่ประกาศแผนลงทุนตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอินโดนีเซีย เช่น โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ป และฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ป เป็นต้น
ที่มา : รอยเตอร์