ความขัดแย้งนองเลือดในยูเครน มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นจุดจบความเป็นเจ้าโลกของตะวันตก จากความเห็นของนายวิคเตอร์ เออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการีเมื่อเร็วๆ นี้
ในการให้สัมภาษณ์กับ Tichys Einblick นิตยสารออนไลน์เยอรมนี ที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) เออร์บาน คาดหมายว่าสภาพยุโรปจะอ่อนแอลงในเวทีนานาชาติ ครั้งที่การสู้รบในยูเครนสิ้นสุดลง
ผู้นำฮังการีอ้างว่าตะวันตกไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะความขัดแย้งทางทหาร และมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานมอสโกล้มเหลวในความพยายามบั่นทำลายเสถียรภาพของรัสเซีย ยิ่งไปกว่านั้น มาตรการลงโทษกลับเป็นไฟย้อนศรกลับมาทำร้ายอียูเสียเอง
เออร์บาน เน้นว่า "ภาคส่วนขนาดใหญ่ของโลก" ชัดเจนว่าไม่ได้ให้การหนุนหลังสหรัฐฯ ในเรื่องยูเครน อ้างถึงจีน อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ โลกอาหรับและภูมิภาคต่างๆ ที่ไม่ได้ให้การสนับสนุนแนวทางของตะวันตกในความขัดแย้งนี้
"มันมีความเป็นไปได้อย่างมากที่สงครามนี้จะเป็นจุดจบความเป็นเจ้าโลกของตะวันตกอย่างชัดเจน" เออร์บานกล่าว พร้อมระบุอีกด้านหนึ่ง บรรดามหาอำนาจอื่นที่ไม่ใช่อียู กำลังได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ โดยเขาพาดพิงถึงรัสเซีย ซึ่งมีแหล่งพลังงานของตนเอง
นายกรัฐมนตรีฮังการี ระบุว่า แม้อียูลดการนำเขาพลังงานจากรัสเซีย แต่ก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย กลับพบเห็นรายได้พุ่งทพะยาน เช่นเดียวกับปักกิ่ง ซึ่งเวลานี้อยู่ในสถานะที่ดีขึ้นจากก่อนหน้าเกิดความขัดแย้ง โดยเขาชี้ว่าก่อนหน้านี้ จีน เคยต้องพึ่งความเมตตาจากโลกอาหรับ แต่ปัจจุบันมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป ซึ่งในกรณีนี้คาดหมายว่า เออร์บาน น่าจะพูดถึงตลาดน้ำมัน
ส่วนผู้ได้รับผลประโยชน์อื่นๆ ตามมุมมองของนายกรัฐมนตรีฮังการี คือ บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกา โดยเขาชี้ถึงกรณีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวของเอ็กซอน 4 เท่าสำหรับเชฟรอน และโคโนโคฟิลลิปส์ มีกำไรเพิ่มขึ้น 6 เท่า
ฮังการี คงจุดยืนเป็นกลางมาตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนปะทุขึ้น โดยไม่มอบอาวุธใดๆ แก่ทั้งสองฝ่าย และไม่ออกถ้อยแถลงรุนแรงใดๆ กับทั้งมอสโกและเคียฟ
บูดาเปสต์ ยืนยันว่าพวกเขาไม่อาจเอาความปลอดภัยของประชาชนชาวฮังการีเข้าไปเสี่ยง และจะไม่ยอมถูกลากเข้าสู่ความขัดแย้ง
ยิ่งไปกว่านั้น เออร์บาน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ของฮังการี วิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ ว่ามาตรการคว่ำบาตรบางอย่างของอียู ทำร้ายอียูเองมากกว่ารัสเซีย
ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม ฮังการีเผชิญหน้าโดยตรงกับบรรดาผู้นำอียูเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย สุดท้ายแล้ว บูดาเปสต์ ก็เลิกใช้สิทธิคัดค้าน หลังได้รับข้อยกเว้นสามารถนำเข้าน้ำมันผ่านท่อลำเลียงได้
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)