xs
xsm
sm
md
lg

ผวา! พบ ‘สุนัข’ ติด ‘ฝีดาษลิง’ จากมนุษย์เคสแรกในโลก WHO เตือนความเสี่ยง ‘เชื้อกลายพันธุ์’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาแถลงเตือนในวันพุธ (17 ส.ค.) ให้ผู้ป่วยฝีดาษลิงหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์เลี้ยง หลังพบ “สุนัข” ติดเชื้อฝีดาษลิงจากมนุษย์เป็นเคสแรกของโลก

สัปดาห์ที่แล้ว วารสารการแพทย์ The Lancet ได้เผยแพร่รายงานการติดเชื้อฝีดาษลิงของสุนัขสายพันธุ์อิตาเลียนเกรฮาวนด์ ซึ่งอาศัยอยู่กับเจ้าของที่เป็นชาย 2 คนในกรุงปารีส

“มันคือการแพร่เชื้อจากมนุษย์ไปสู่สัตว์เคสแรกที่เคยพบมา และเราเชื่อว่ามันอาจจะเป็นสุนัขตัวแรกที่ติดเชื้อฝีดาษลิงด้วย” โรซามุนด์ ลิวอิส หัวหน้าฝ่ายเทคนิคโรคฝีดาษลิงของ WHO ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมระบุว่าผู้เชี่ยวชาญตระหนักอยู่แล้วถึงความเสี่ยงในทางทฤษฎีที่อาจจะเกิดการแพร่เชื้อข้ามสายพันธุ์ในลักษณะนี้ได้ และหน่วยงานสาธารณสุขมีการแจ้งเตือนไปยังผู้ป่วยแล้วให้ “แยกตัว” ออกจากสัตว์เลี้ยงของพวกเขา

ลิวอิส ย้ำว่า “การจัดการสิ่งปฏิกูลก็เป็นสิ่งสำคัญมาก” เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงที่เชื้ออาจแพร่ไปสู่สัตว์จำพวกหนู และสัตว์ที่อยู่นอกบ้าน

ทั้งนี้ เมื่อไวรัสแพร่กระจายข้ามไปยังสัตว์ต่างสายพันธุ์ ก็อาจจะทำให้เกิดการ “กลายพันธุ์” ที่อันตรายขึ้นได้

ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินของ WHO ระบุว่า สิ่งที่น่ากังวลคือเชื้อไวรัสอาจแพร่ไปสู่สัตว์นอกครัวเรือน และหากสัตว์ตัวหนึ่งติดเชื้อ และแพร่เชื้อไปสู่สัตว์ตัวอื่นๆ ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ “สิ่งที่คุณจะเห็นต่อไปก็คือ ไวรัสจะมีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว”

อย่างไรก็ดี ไรอัน ย้ำว่าสัตว์เลี้ยงภายในบ้านไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล

“ผมไม่คิดว่าไวรัสจะพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วผ่านสุนัขตัวเดียวมากกว่ามนุษย์ 1 คน... แต่เราจำเป็นต้องเฝ้าระวังกันต่อไป” เขากล่าว

ไวรัสฝีดาษลิงถูกพบเป็นครั้งแรกในลิงที่ใช้สำหรับการวิจัยที่เดนมาร์กเมื่อปี 1958 ทว่าไวรัสชนิดนี้จะมีอยู่ในสัตว์ฟันแทะ (rodents) เสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการติดเชื้อในคนพบครั้งแรกเมื่อปี 1970 ก่อนที่ฝีดาษลิงจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่แพร่กระจายอยู่ในกลุ่มประเทศแถบแอฟริกากลางและตะวันตก

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เริ่มปรากฏว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงนอกทวีปแอฟริกาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค. โดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชายที่มีเพศสัมพันธ์กัน และจนถึงตอนนี้มียอดผู้ป่วยฝีดาษลิงสะสมทั่วโลกมากกว่า 35,000 คนใน 92 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิตในการระบาดครั้งนี้แล้วอย่างน้อย 12 คน

ที่มา : เอเอฟพี
กำลังโหลดความคิดเห็น