เด็ก 3 คน อายุ 11, 13 และ 14 ปี กับชายอายุ 18 ปีรายหนึ่ง ก่อเหตุรุมทำร้ายและปล้นหญิงชราชาวเอเชียวัย 70 ปี ภายในอพาร์ตเมนต์ที่เธอพักอาศัย ในซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว และเวลานี้ 2 คนอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ จากการเปิดเผยของตำรวจในช่วงต้นสัปดาห์ ในเหตุการณ์ที่ตำรวจถึงขั้นเอ่ยปากว่าน่าเศร้าและเป็นเรื่องช็อกอย่างยิ่ง
บิล สกอตต์ ผู้บัญชาการตำรวจซานฟรานซิสโก เปิดเผยว่าผู้หญิงรายดังกล่าวกำลังอยู่นอกอาคารที่พักอาศัยของเธอในย่านไชนาทาวน์เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ระหว่างนั้นพวกผู้ต้องสงสัยเดินเข้ามาหาและพูดคุยกับเธอ
ด้วยที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกผู้ต้องสงสัยพูด เนื่องจากอุปสรรคทางภาษา เธอจึงหลบเข้าไปในบริเวณล็อบบี้ของตัวอาคาร แต่พวกผู้ต้องสงสัยยังเดินตามเธอไป จากนั้นพวกผู้ต้องสงสัยลงมือทุบตีทำร้ายและปล้นสะดมเธอ ก่อนหลบหนีไป อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้
"เหยื่อถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลท้องถิ่นแห่งหนึ่ง และขอบคุณพระเจ้า อาการบาดเจ็บของเธอไม่อันตรายถึงขั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิต" สกอตต์กล่าว แต่เขาไม่ได้เปิดเผยชื่อผู้หญิงรายนี้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางเหตุทำร้ายร่างกายคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียหลายต่อหลายคดีในซานฟรานซิสโก และทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อครั้งโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดเข้าสู่อเมริกา
สกอตต์ บอกว่าเขารู้สึกเศร้าใจและช็อกอย่างมากต่ออายุของพวกผู้ต้องสงสัย พร้อมเผยว่านักสืบระบุตัวตนพวกผู้ต้องสงสัยคือนายการ์รีล มัวร์ อายุ 18 ปี ส่วนที่เหลือเป็นยุวชนไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้
ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยอายุน้อยสุด 11 ปี ไม่ถูกตั้งข้อหาในคดีนี้ เนื่องจากอายุของเขา ส่วนคนอื่นๆ ต้องเผชิญข้อกล่าวหาปล้น ทำร้ายร่างกายคนชรา การกักขังหน่วงเหนี่ยวและสมคบคิด จากการเปิดเผยของสกอตต์ ขณะที่ผู้ต้องสงสัยวัย 14 ปี ยังไม่พบตัว แต่มีการออกหมายจับเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
(ที่มา : เอพี)