ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตอุปกรณ์ไฮเทครายใหญ่ของไต้หวัน กำลังถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงโน้มน้าวให้ถอนการลงทุนราวๆ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในบริษัท ชิงหัว ยูนิกรุ๊ป (Tsinghua Unigroup) ผู้ผลิตชิปสัญชาติจีน หลังมีรายงานมาก่อนหน้านี้ว่า ฟ็อกซ์คอนน์ กำลังถูกรัฐบาลไทเปเพ่งเล็งหนักกรณีเข้าไปลงทุนในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตชิปของจีนโดยไม่ยื่นเรื่องขออนุญาตเสียก่อน
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส (FT) อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของไต้หวันที่ยืนยันว่า ดีลธุรกิจครั้งนี้จะ “ไม่ผ่าน” อย่างแน่นอน
ไต้หวันซึ่งเป็นผู้รับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก มีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความพยายามของจีนที่จะยกระดับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของตนเอง และได้เสนอกฎหมายใหม่ที่มุ่งสกัดกั้นการขโมยเทคโนโลยี “ชิป” ของไต้หวัน ท่ามกลางความหวั่นเกรงว่าปักกิ่งกำลังใช้ปฏิบัติการ “จารกรรมทางเศรษฐกิจ” ต่อไต้หวันหนักขึ้นเรื่อยๆ
รัฐบาลไทเปห้ามมิให้บริษัทของไต้หวันเข้าไปตั้งโรงงานผลิตแผงวงจร (foundries) ที่ก้าวหน้าทันสมัยที่สุดในจีนเป็นอันขาด เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของไต้หวันจะไม่เล็ดลอดไปถึงมือปักกิ่ง
แม้คณะกรรมาธิการคณะรัฐมนตรีไต้หวันจะยังไม่ได้เริ่มตรวจสอบแผนการลงทุนนี้อย่างเป็นทางการ แต่ FT อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่จากสภาความมั่นคงแห่งชาติไต้หวัน และสภากิจการแผ่นดินใหญ่ เชื่อว่ามีความ “จำเป็น” ที่จะต้องเบรกข้อตกลงนี้
ฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์ผลิตอุปกรณ์ให้ “แอปเปิล อิงค์” ยืนยันว่าบริษัทได้ยื่นเอกสารการลงทุนต่อทางการไต้หวันเรียบร้อยแล้ว และจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อไป ทว่าไม่ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ทางด้าน ชิงหัว ยูนิกรุ๊ป ก็ยังคงปฏิเสธที่ให้ความเห็นกับรอยเตอร์ในประเด็นนี้
แหล่งข่าวเผยกับ FT ว่า เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไต้หวันมองเรื่องนี้ว่าเกี่ยวพันถึงความมั่นคงของชาติ และโอกาสที่แผนการลงทุนจะได้รับอนุมัติก็ยากเย็นเต็มที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่สถานการณ์บริเวณช่องแคบไต้หวันกลับมาตึงเครียดหนัก สืบเนื่องจากการไปเยือนไทเปของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งจีนประณามว่าเป็นการกระทำที่คุกคามสันติภาพและเสถียรภาพ
ฟ็อกซ์คอนน์ เปิดเผยเมื่อเดือน ก.ค. ว่า บริษัทได้เข้าถือหุ้นในกลุ่มชิงหัว ยูนิกรุ๊ป ด้วยเม็ดเงินลงทุน 798 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 28,300 ล้านบาท ผ่านทางบริษัทลูก ซึ่งทำให้รัฐบาลไต้หวันพิจารณาที่จะสั่งปรับ ฟ็อกซ์คอนน์ เป็นเงินสูงสุดถึง 25 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราวๆ 30 ล้านบาท) เนื่องจากเป็นการลงทุนโดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐบาลก่อน
ที่มา : รอยเตอร์