เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน มีรายงานสั่งการให้เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ USS Ronald Reagan และเรือที่อยู่ในกลุ่มยังคงลอยลำใกล้ไต้หวันระหว่างปักกิ่งซ้อมรบล้อมกรอบ เตรียมพร้อมปฏิบัติการเดินเดินเรือและบินเสรีภาพทางอากาศผ่านช่องแคบไต้หวันรอบใหม่หลังประธานสภาคองเกรสเยือนไต้หวัน ด้าน ส.ว.สายเหยี่ยวรีพับลิกัน เท็ค ครูซ เรียกปักกิ่งข่มขู่ยิงเครื่องแนนซี เพโลซี ตกถือ "เป็นการก่อสงคราม" ขณะที่วันพฤหัสบดี (4 ส.ค.) ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์สื่อแรกของเอเชีย เรียกร้องต่อสายตรงคุยกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง
บิสซิเนส อินไซเดอร์ รายงานวันศุกร์ (5 ส.ค.) ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงทำเนียบขาวเปิดเผยว่า เพนตากอนสั่งการให้กลุ่มเรือรบบรรทุกเครื่องบินยังคงอยู่ใกล้กับไต้หวันต่อไป ท่ามกลางความโกรธแค้นจากปักกิ่งที่แสดงออกมาตอบโต้การเยือนไต้หวันของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ด้วยการสั่งซ้อมรบ 6 ด้านแบบปิดล้อม
ทั้งนี้ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน ออกคำสั่งให้เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ USS Ronald Reagan และเรือที่อยู่ในกลุ่มยังคงลอยลำอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อจับตาสถานการณ์ต่อไป ซึ่งโฆษกสภาความมั่นคงสหรัฐฯ ประจำทำเนียบขาว จอห์น เคอร์บีย์ (John Kirby) กล่าวในรายงานสรุปวันพฤหัสบดี (5) มีใจความว่า
“พวกเราจะทำการผ่านข้ามช่องแคบไต้หวันตามมาตรฐานการเดินทางอากาศและการเดินเรือในอีกไม่กี่สัปดาห์ อย่างสอดคล้องต่อเนื่องอีกครั้ง เป็นไปตามนโยบายการปฏิบัติที่ทำมาอย่างยาวนานในการปกป้องเสรีภาพทางทะเลและกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ”
และกล่าวต่อย้ำต่อจุดยืนสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกว่า “และทางเราจะใช้มาตรการเพิ่มเพื่อแสดงให้ประจักษ์ต่อพันธะผูกพันของพวกเราต่อความมั่นคงพันธมิตรของพวกเราในภูมิภาค”
บิสซิเนส อินไซเดอร์ รายงานว่า เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ USS Ronald Reagan นั้นประจำอยู่ที่ฐานทัพสหรัฐฯ ที่ญี่ปุ่น และเรือลอยลำเหนือน้ำ 2 ลำ ได้แก่ เรือพิฆาตสะเทินน้ำสะเทินบก USS America และเรือ USS Tripoli มีรายงานว่าลอยลำอยู่ใกล้ไต้หวัน
ปรากฏว่าทั้งเรือรบ USS America และเรือรบ USS Tripoli มาพร้อมกับฝูงบินรบล่องหน F-35 และเรือ USS Ronald Reagan F/A-18 มาพร้อมกับฝูงเครื่องบินรบ F/A-18 ที่มีจำนวนมากกว่า
กองทัพเรือสหรัฐฯ ถูกกล่าวว่าออกปฏอบัติการเดินเรือตามปกติไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฝึกซ้อมรบของปักกิ่งแต่ประการใด
union-bulletin รายงานวันศุกร์ (5) ภายในงานฟอรัมการเมืองปีกขวาอเมริกา CPAC (Conservative Political Action Conference) ส.ว.สหรัฐฯ รัฐเทกซัส เท็ด ครูซ (Ted Cruz) ออกมาแสดงความเห็นถึงกรณี ปักกิ่ง อาจยิงเครื่องประธานสภาสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ตกระหว่างการเยือนไต้หวันนั้นเป็น “การกระทำก่อสงคราม” พร้อมกับกล่าวต่อหน้าผู้เข้าร่วมฟอรัมจากพรรครีพับลิกันที่ร่วมประชุมวันศุกร์ (5) ที่เมืองดัลลัส แคปปิตอล ซิตี ของพรรค GOP หรือรีพับลิกัน ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตสมควรที่ต้องใช้ไม้แข็งกับปักกิ่ง
“มีเพียงคำตอบเดียวสำหรับศัตรูของสหรัฐฯ ของการคุกคามที่จะสังหารประธานรัฐสภา ผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มันถือการกระทำก่อสงคราม และผลลัพธ์คือหายนะ” เขากล่าวในวันที่ 2 ของการประชุม
เขาต่อว่า “ความอ่อนแอและการผ่อนปรนมาจากพวกลิงกินเนยแข็งที่ยอมจำนนทำให้อเมริกาและทั่วทั้งโลกนั้นมีความปลอดภัยลดลง” union-bulletin กล่าวว่า ครูซกล่าวโดยใช้คำแสลงเรียกพวกฝรั่งเศสในการให้ความเห็น
วิกฤตไต้หวันยังร้อนระอุเลยไปถึงยูเครน เมื่อในวันพฤหัสบดี (4) ถือเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เอเชีย เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ โดยสื่อนิวส์วีกเปิดเผยว่า เซเลนสกีกล่าวว่า ที่ผ่านมาเขาพยายามหาช่องทางเพื่อติดต่อสายตรงกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ซึ่งปัจจุบันยูเครนกำลังอยู่ระหว่างทำสงครามกับรัสเซียมา 160 วันแล้ว
“ผมต้องการที่จะคุยโดยตรง ผมได้เคยหารือครั้งเดียวกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เมื่อ 1 ปีมาก่อน” และเสริมต่อว่า “นับตั้งแต่เริ่มความขัดแย้งขนาดใหญ่เมื่อวันที่ 24 ก.พ. พวกเราได้ร้องขอการหารืออย่างเป็นทางการ แต่พวกเรายังไม่มีการหารือใดๆ กับจีน ถึงแม้ผมจะเชื่อว่ามันจะมีประโยชน์”
นิวส์วีกรายงานว่า ที่ปรึกษาผู้นำยูเครนเคยเปิดเผยกับนิวส์วีกเมื่อมีนาคมว่า เคียฟคาดหวังการเจรจาระหว่างเซเลนสกี และสีจะเกิดขึ้นในเร็ววัน แต่ทว่าเสียงเรียกร้องไม่เคยได้รับคำตอบ
ทั้งนี้ เซเลนสกียังได้เรียกร้องให้ “จีน” ซึ่งเป็นมหาอำนาจให้รู้สึกเห็นใจในชะตากรรมของยูเครนที่กำลังอยู่ในความยากลำบาก “พวกรัสเซียเป็นผู้รุกราน..นี่เป็นสงครามในดินแดนของพวกเรา พวกเขาบุกเข้ามา จีนในฐานะที่เป็นประเทศมหาอำนาจสามารถเข้ามาและทำให้รัสเซียอยู่ในที่ของตัวเองได้” และกล่าวต่อว่า “แน่นอนที่สุดผมต้องการให้ฝ่ายจีนหันกลับมาพิจารณาทัศนคติที่มีต่อรัสเซียใหม่อีกครั้ง”
ในตอนท้ายเซเลนสกี ยังฝากสีไปคิดต่อถึงผลกระทบต่อทางเศรษฐกิจที่มาจากสงครามนั้นจะไม่ส่งผลดีต่อฝ่ายจีนเช่นเดียวกัน ในตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้เขากล่าวว่า “ผมมั่นใจว่าหากปราศจากตลาดจีนสำหรับรัสเซียแล้ว ฝ่ายรัสเซียจะรู้สึกเหมือนถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง” และเสริมต่อว่า “มันมีบางสิ่งที่จีนสามารถกระทำได้เพื่อจำกัดทางการค้ากับรัสเซียจนกว่าสงครามจะยุติ”
ทั้งนี้ นิวส์วีกกล่าวว่า ผู้นำทั้งสองชาติได้เคยหารือก่อนหน้าในปี 2021 และเมื่อต้นมกราคมปีนี้ทั้งเซเลนสกี และสีต่างแลกเปลี่ยนสารระหว่างกันผ่านทางช่องทางเทเลแกรมเนื่องในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 30 ปีอย่างเป็นทางการ