แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุวันนี้ (5 ส.ค.) ว่า การที่เธอเดินสายเยือนประเทศต่างๆ ในเอเชีย รวมถึงแวะที่กรุงไทเป “ไม่ได้มีเจตนา” ใดๆ เลยที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบัน (status quo) ของไต้หวัน หรือภูมิภาคนี้
เพโลซี และคณะเดินทางออกจากเกาหลีใต้ไปยังญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของทริปเยือนเอเชียในครั้งนี้ หลังจากที่แวะเยือนไต้หวันแบบไม่แจ้งล่วงหน้าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2) จนทำให้จีนโกรธจัดถึงขั้นประกาศซ้อมรบ
จีนถือว่าไต้หวันเป็น “มณฑลกบฏ” และยังคงเป็นดินแดนในอธิปไตยของตนภายใต้หลักการ “จีนเดียว” (One China) แม้จะไม่เคยปกครองเกาะแห่งนี้มาก่อนก็ตาม
เพโลซี ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐฯ ที่ไปเยือนไต้หวันในรอบ 25 ปี ประกาศยกย่องความเป็นประชาธิปไตยของไต้หวัน และยืนยันในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว (solidarity) ระหว่างวอชิงตันกับไทเป ซึ่งทำให้ปักกิ่งไม่พอใจอย่างมาก
ล่าสุด ประธานสภาสหรัฐฯ วัย 82 ปี ได้เปิดแถลงข่าวที่กรุงโตเกียวในประเด็น “มรสุมการทูต” ที่ทริปไต้หวันของเธอได้ก่อขึ้นมา
“เราประกาศตั้งแต่แรกแล้วว่า การเดินทางมาเยือนครั้งนี้ไม่ได้มุ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันของไต้หวันหรือภูมิภาค” เพโลซี แถลงต่อสื่อมวลชน หลังเข้าพบนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติจีนรายงานว่า ปฏิบัติการซ้อมรบกระสุนจริงทั้งทางทะเลและอากาศรอบเกาะไต้หวันซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้ (4) จะสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์ที่ 7 ส.ค. และจะเป็นการฝึกยุทธวิธีครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่จีนเคยทำมาในบริเวณช่องแคบไต้หวัน
มีรายงานว่า ขีปนาวุธจีน 5 ลูกถูกยิงเข้าไปตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่นด้วย ซึ่งทำให้รัฐบาลโตเกียวยื่นประท้วงอย่างรุนแรงผ่านช่องทางการทูต
ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการสยายอิทธิพลของจีนในอินโด-แปซิฟิก รวมถึงความเป็นไปได้ที่ปักกิ่งอาจจะใช้กำลังทหารโจมตีเพื่อยึดเกาะไต้หวันในที่สุด
คิชิดะ ยืนยันว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จะร่วมมือกันเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งถือเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก
ญี่ปุ่นซึ่งมีหมู่เกาะทางใต้สุดอยู่ใกล้กับไต้หวันมากกว่าโตเกียวเสียอีก ยังถือว่าพฤติกรรมข่มขู่ที่จีนกระทำต่อไต้หวันเป็นสัญญาณเตือน “ภัยคุกคาม” ต่อชาติของตนเองด้วย
ที่มา : รอยเตอร์