เอเจนซีส์ - เครื่องบินรบขับไล่ F-15 ของสหรัฐฯ จำนวน 6 ลำ และเครื่องบินบรรทุกน้ำมันอีก 3 ลำ บินออกจากฐานทัพโอกินาวา เวลา 17.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นญี่ปุ่นไล่เลี่ยกับเครื่องบินประธานสภาคองเกรส แนนซี เพโลซี เดินทางออกจากไต้หวัน เวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น มุ่งหน้าสู่เกาหลีใต้ สหรัฐฯ ยันได้แจ้งรัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ตั้งแต่กรกฎาคมเรื่องเพโลซี เยือนไต้หวัน ด้านนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโธนี อัลบานีส เรียกร้องสหรัฐฯ ลดแรงตึงเครียด ปากหนักไม่ประกาศสนับสนุนเยือนไต้หวันของเพโลซี
สปุตนิกนิวส์ สื่อรัสเซีย รายงานวันนี้ (3 ส.ค.) ว่า สถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่น NHK เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินรบขับไล่ F-15 และเครื่องบินบรรทุกน้ำมันอีก 3 ลำ ออกไปจากฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะโอกินาวาวันพุธ (3) เมื่อเวลาราว 17.20 น.ตามเวลาท้องถิ่นของญี่ปุ่น
การรายงานเกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี และคณะออกเดินทางจากไต้หวัน หลังการเยือนที่สร้างสีสัน และแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ตามการรายงานของรอยเตอร์พบว่า เครื่องบินเพโลซีออกเดินทางจากสนามบินไต้หวันเวลาราว 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นไต้หวัน เพื่อมุ่งหน้าไปเกาหลีใต้
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยวันนี้ (3) ที่กรุงโตเกียวในรายงานของรอยเตอร์ว่า ปักกิ่งไม่สามารถใช้การเดินทางเยือนไต้หวันของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อเป็นข้ออ้างความชอบธรรมในการยกระดับที่อาจนำมาสู่ความรุนแรงขัดแย้ง
แหล่งข่าวสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ ได้รับแจ้งเรื่องประธานรัฐสภาสหรัฐฯ อาจจะเยือนไต้หวันมาตั้งแต่กรกฎาคม
“ปัญหาคือจีนจะพยายามใช้การเยือนเพื่อเป็นข้ออ้างในการเพิ่มมาตรการที่นำมาสู่การยกระดับที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้ง” แหล่งข่าวกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว
แหล่งข่าวแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า “จีนไม่ควรใช้สิ่งนี้เป็นเสมือนข้ออ้างที่จะทำในสิ่งที่ได้ทำมา ที่ต้องการจะเปลี่ยนสถานะของไต้หวัน”
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวอีกว่า “และหากว่าการยกระดับหรือวิกฤตเกิดขึ้นหลังการเยือนของเธอ มันขึ้นอยู่กับปักกิ่งเท่านั้น”
สปุตนิก นิวส์ รายงานว่า ออสเตรเลียที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกันออกมาเรียกร้องให้ลดระดับความรุนแรง แต่หยุดแค่นั้นไม่ยอมออกมาแสดงการสนับสนุนการเยือนไต้หวันของเพโลซี
นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีส ยืนยันว่า รัฐบาลแคนเบอร์ราของเขายึดมั่นในนโยบายจีนเดียว และชี้ว่าในเวลาเดียวกันไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสถานะใดๆ แต่ฝ่ายเดียวทางการเมืองของไต้หวัน
“และเราจะยังคงทำงานร่วมกันพันธมิตรเพื่อสนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน”