ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี เดินทางไปถึงไต้หวัน ตอนดึกของวันอังคาร (2 ส.ค.) ในทริปที่เธอบอกว่าตั้งใจที่จะแสดงความสมานฉันท์ของอเมริกาซึ่งมีกับเกาะที่ปักกิ่งถือเป็นมณฑลกบฏแห่งนี้ และก็เป็นทริปซึ่งมีความเสี่ยงที่จะผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดจุดใหม่
เพโลซี และคณะของเธอก้าวลงจากเครื่องบินขนส่งลำหนึ่งของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่ท่าอากาศยานซงซาน ในบริเวณใจกลางนครไทเป และได้รับการต้อนรับจากรัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน โจเซฟ อู่ และซานดรา อุดเคิร์ค ผู้แทนสูงสุดของสหรัฐฯ ในไต้หวัน
“คณะผู้แทนจากรัฐสภาสหรัฐฯ ของเรามาเยือนไต้หวัน เพื่อเชิดชูความมุ่งมั่นผูกพันอย่างไม่มีคลอนแคลนของอเมริกาในการสนับสนุนประชาธิปไตยที่มีชีวิตชีวาของไต้หวัน” เพโลซีกล่าวในคำแถลงที่เผยแพร่ออกมาไม่นานหลังจากลงจากเครื่องบิน “ความสมานฉันท์ของอเมริกาที่มีอยู่กับประชาชน 23 ล้านคนของไต้หวันยิ่งมีความสำคัญในวันนี้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ขณะที่โลกเผชิญกับทางเลือกระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย”
ทางด้านจีนได้กล่าวประณามการไปไต้หวันของเพโลซีในทันที โดยที่กระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า นี่เป็นการทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง “มีผลกระทบอย่างสาหัสต่อรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน” ทางกระทรวงยังระบุด้วยว่าได้ยื่นประท้วงอย่างแรงต่อสหรัฐฯ แล้ว
เครื่องบินรบของจีนหลายลำได้บินไปถึงบริเวณที่เป็นเส้นแบ่งช่องแคบไต้หวัน ก่อนที่ เพโลซี ไปถึง และกระทรวงกลาโหมจีนประกาศในคืนวันอังคาร (2) ว่า กองทัพแดนมังกรกำลังอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมระดับสูง และเพื่อเป็นการตอบโต้ จะเปิด “การปฏิบัติการทางทหารแบบมีเป้าหมาย” (targeted military operations)
ในการแถลงที่แยกต่างหากออกไป กองบัญชาการยุทธบริเวณตะวันตออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (People's Liberation Army's Eastern Theatre Command) ออกประกาศแจ้งว่า จะดำเนินการปฏิบัติการทางทหารร่วมในบริเวณใกล้ๆ กับไต้หวัน ตั้งแต่คืนวันอังคาร (2) เป็นต้นไป รวมทั้งจะทดสอบยิงขีปนาวุธแบบธรรมดา (นั่นคือ ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์) ในทะเลบริเวณด้านตะวันออกของเกาะไต้หวัน
การปฏิบัติการทางทหารร่วมนี้ จะประกอบด้วย การฝึกซ้อมร่วมทางอากาศและทางทะเลในบริเวณด้านเหนือ ด้านตะวันตกเฉียงใต้ ด้านตะวันออกเฉียงใต้ ของเกาะไต้หวัน การยิงอาวุธระยะไกลด้วยกระสุนจริงในช่องแคบไต้หวัน และการทดสอบยิงขีปนาวุธในทะเลทางด้านตะวันออกของไต้หวัน กองบัญชาการยุทธบริเวณตะวันออกระบุ
หลังจาก เพโลซี ลงจากเครื่องบินที่ไต้หวันไม่นานนัก วอชิงตันโพสต์ได้เผยแพร่ข้อเขียนของเธอ ซึ่งพูดสรุปเหตุผลที่เธอเดินทางเยือนเกาะแห่งนี้ โดยกล่าวยกย่องไต้หวันที่มุ่งมั่นผูกพันกับรัฐบาลประชาธิปไตย ขณะเดียวกันก็วิจารณ์จีนที่เพิ่มความตึงเครียดกับไต้หวันในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เธอบอกว่า เราไม่สามารถยืนเฉยปล่อยให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนคุกคามไต้หวัน และคุกคามประชาธิปไตย นอกจากนั้น เธอยังประณามเรื่องที่สหรัฐฯ กล่าวหาจีนปราบปรามอย่างเหี้ยมโหดต่อผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองในฮ่องกง ตลอดจนปฏิบัติต่อชาวมุสลิมอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ในลักษณะที่สหรัฐฯ เรียกว่าเป็นการล้างเผ่าพันธุ์
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ของจีนแถลงว่า การที่สหรัฐฯ ทรยศ “ในเรื่องประเด็นปัญหาไต้หวัน คือการทำให้เครดิตความน่าเชื่อถือระดับชาติของตนเองต้องล้มละลาย”
เขาบอกว่าพวกนักการเมืองอเมริกันบางคนกำลังเล่นกับไฟในประเด็นปัญหาไต้หวัน “นี่จะไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี ... การเปิดเผยโฉมหน้าที่เที่ยวรังแกคนอื่นของอเมริกาให้เห็นกันอีกครั้งเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าอเมริกาเป็นผู้บ่อนทำลายสันติภาพรายใหญ่ที่สุดของโลก”
ขณะที่ จอห์น เคอร์บี้ โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวกล่าวหลังจาก เพโลซี ไปถึงไต้หวันว่า สหรัฐฯ “ไม่รู้สึกกลัวเกรง” กับการข่มขู่หรือถ้อยคำชวนทะเลาะจากจีน เคอร์บี้ยืนยันว่า การเยือนนี้ไม่ได้ละเมิดทั้งประเด็นเรื่องอธิปไตย หรือเรื่องจุดยืนเกี่ยวกับ “นโยบายจีนเดียว” ของอเมริกา
“ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่การเยือนคราวนี้จะกลายเป็นเหตุการณ์ซึ่งกระตุ้นให้เกิดวิกฤตหรือความขัดแย้งขึ้นมา” เขาบอก
สำนักประธานาธิบดีของไต้หวันแถลงว่า ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน จะพบหารือกับ เพโลซี ตอนเช้าวันพุธ (3) และจะรับประทานอาหารกลางวันกับเธอ ขณะที่แหล่งข่าว 4 รายบอกกับรอยเตอร์ว่า ในตอนบ่ายวันพุธ เพโลซีมีกำหนดการพบปะกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ประวัติด้านสิทธิมนุษยชนของจีน
ในคืนวันอังคาร อาคาร “ไทเป 101” ซึ่งเป็นอาคารสูงที่สุดของไต้หวัน เปิดไฟที่มีข้อความต่างๆ ต้อนรับ เพโลซี เป็นต้นว่า “ขอต้อนรับสู่ไต่หวัน” “ประธานสภาเพโลซี” และ ไต้หวัน (รูปหัวใจ) USA”
ระหว่างที่พูดคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดี (28 ก.ค.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เตือน ไบเดน ว่า วอชิงตันควรที่จะเคารพปฏิบัติตามหลักการจีนเดียว และบอกว่า “ใครที่เล่นกับไฟ จะเจอไฟเผาตัวเอง” ขณะที่ ไบเดน บอกกับ สี ว่า นโยบายของสหรัฐฯ ในเรื่องไต้หวันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง และวอชิงตันคัดค้านอย่างแข็งขันต่อความพยายามตามอำเภอใจฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานะเดิม หรือในการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน
บอนนี กลาเซอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไต้หวันอยู่ที่ กองทุนมาร์แชลล์ เยอรมัน แห่งสหรัฐฯ (German Marshall Fund of the United States) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวทางโทรศัพท์ว่า ความเสียหายที่มีกับความสัมพันธ์อเมริกา-จีน ซึ่งเกิดขึ้นจากการไปเยือนไต้หวันของ เพโลซี จะเป็นสิ่งซึ่งยากแก่การซ่อมแซมแก้ไขให้คืนดี
“เราทั้งหมดต่างทราบกันอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์นี้เลวร้ายลงไปแค่ไหนในปีที่ผ่านมา และดิฉันคิดว่ามันกำลังจะเป็นเรื่องยากลำบากมากๆ ที่จะฟื้นตัวขึ้นมาจากจุดนั้น”
ทัพจีน-สหรัฐฯ ระดมเรือรบ-เครื่องบินคุมเชิงกัน
ในวันอังคาร (2) ก่อนหน้าการไปไต้หวันของเพโลซี มีรายงานว่า สหรัฐฯ ส่งเรือรบ 4 ลำ นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ประจำการ “ตามปกติ” ในน่านน้ำด้านตะวันออกของเกาะไต้หวัน ขณะที่ปักกิ่งยังส่งเครื่องบินรบบินวนเวียนเฉียดเส้นแบ่งช่องแคบไต้หวัน และส่งเรือรบคุมเชิงอยู่ใกล้เส้นแบ่งอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่วันจันทร์ (1)
เจ้าหน้าที่กองทัพเรืออเมริกาผู้หนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์เมื่อวันอังคารว่า หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี ที่นำโดยเรือโรนัลด์ เรแกน ซึ่งก่อนหน้านี้แล่นผ่านทะเลจีนใต้ ขณะนี้จอดอยู่ในทะเลฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเกาะไต้หวันและฟิลิปปินส์ และอยู่ทางใต้ของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ นอกจากเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้แล้ว ยังมีเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธ ยูเอสเอสอาร์ แอนติแทม เรือพิฆาต ยูเอสเอสอาร์ ฮิกกินส์ และเรือสะเทินน้ำสะเทินบกยูเอสเอสอาร์ ทริโปลี ทั้งหมดจอดอยู่ในบริเวณดังกล่าว อันเป็นส่วนหนึ่งของการประจำการปกติในภูมิภาคนี้ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
ทางฝ่ายปักกิ่งไม่ได้อยู่นิ่งเฉย โดยนอกจากส่งเครื่องบินรบบินเฉียดเส้นกึ่งกลางที่แบ่งช่องแคบไต้หวันหลายรอบเมื่อเช้าวันอังคารแล้ว แหล่งข่าวยังเผยว่า เรือรบจีนจอดอยู่ใกล้เส้นแบ่งอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่วันจันทร์ (1)
แหล่งข่าวเผยว่า เครื่องบินจีนเคลื่อนที่เชิงยุทธวิธีโดยการ “แตะ” เส้นแบ่งช่องแคบไต้หวันสั้นๆ และบินวนกลับไปอีกด้านของช่องแคบเมื่อเช้าวันอังคาร ขณะที่เครื่องบินของไต้หวันเตรียมพร้อมอยู่ไม่ไกล
ทางด้านกระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงเมื่อวันอังคารว่า ขณะนี้มีกิจกรรมทางทหารมากมายเกิดขึ้นใกล้ไต้หวัน และไต้หวันจะส่งกำลังตอบโต้ “การคุกคามของศัตรู” อย่างเหมาะสม
รอยเตอร์รายงานว่า ประชาชนในเมืองเซี่ยเหมินของจีนที่ตั้งอยู่ตรงข้ามไต้หวันและเป็นที่ตั้งหน่วยทหารขนาดใหญ่ โพสต์ข้อความบนโซเชียลพร้อมภาพรถหุ้มเกราะหลายคันวิ่งบนถนนเมื่อวันอังคาร
นอกจากนั้น นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว กองทัพปลดแอกประชาชนของจีนยังทำการซ้อมรบหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในทะเลจีนใต้ ทะเลเหลือง และทะเลปั๋วไห่
ทั้งนี้ จีนมองว่าการเยือนไต้หวันโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกัน เป็นการให้ท้ายไทเปซึ่งเป็นมณฑลขบถของจีนประกาศเอกราช
ที่ปักกิ่ง หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวเมื่อวันอังคารระหว่างแถลงข่าวประจำวันว่า อเมริกาจะต้องรับผิดชอบสำหรับการบ่อนทำลายผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและอธิปไตยของจีนจากการเยือนไต้หวันของเพโลซี
นอกจากนั้น เมื่อวันจันทร์ (1) จาง ฮั่น เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ วิจารณ์ว่า การเยือนของเพโลซีเป็น “การยั่วยุและอันตรายอย่างมาก”
แม้เป็นที่เข้าใจว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน คัดค้านการเยือนไต้หวัน ทว่า เมื่อวันจันทร์ จอห์น เคอร์บี้ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีสิทธิเดินทางไปทุกที่ที่ต้องการ
เคอร์บี้ยังอ้างอิงข่าวกรองว่า จีนเตรียมการตอบโต้ ซึ่งรวมถึงการยิงขีปนาวุธใกล้ไต้หวัน การปฏิบัติการขนาดใหญ่ทางอากาศหรือทางทะเล หรืออ้างข้อกฎหมายจอมปลอม เช่น การอ้างว่า ช่องแคบไต้หวันไม่ใช่น่านน้ำสากล และเสริมว่า อเมริกาจะไม่ตกเป็นเหยื่อ เกี่ยวข้อง หรือเกรงกลัวการสำแดงแสนยานุภาพของจีน
เขาสำทับว่า เพโลซีเดินทางด้วยเครื่องบินทหาร และแม้วอชิงตันไม่กลัวการโจมตีโดยตรง แต่มีความเป็นไปได้ว่า อาจเกิดการคำนวณผิดพลาด ก่อนย้ำว่า นโยบายต่อไต้หวันของอเมริกายังคงเดิมคือ สนับสนุนรัฐบาลที่ปกครองตนเอง รับรองปักกิ่ง และคัดค้านการประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการของไต้หวันหรือการใช้กำลังเข้ายึดของจีน
ขณะเดียวกัน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ได้ออกมาสนับสนุนพันธมิตรปักกิ่งด้วยการแถลงว่า วอชิงตันกำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพของโลก
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)