กองทัพสหรัฐฯ กำลังพิจารณาประจำการกองกำลังพิเศษหนึ่งในเอเชีย ที่จะรวมความสามารถทั้งในด้านขีปนาวุธ อิเล็กทรอนิกส์ และไซเบอร์ เพื่อป้องปรามความก้าวร้าวของจีนในช่องแคบไต้หวันและทะเลจีนใต้ จากการเปิดเผยของ พล.อ.ชาร์ลส์ ฟลินน์ ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิก ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิกเกอิเอเชีย
กำลังพลหน่วยนี้เรียกว่า "กองกำลังเฉพาะกิจหลายมิติ" และจะประกอบด้วยทหารหลายพันนายที่ประจำการอยู่ตามฐานทัพต่างๆ ในรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ และในเยอรมนี มันจะถูกจัดออกเป็น 4 กลุ่ม ตามศักยภาพในด้านการโจมตี ป้องกันภัยทางอากาศ ทางโลจิสติกส์และการสงคราม
กองกำลังชุดนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงนโยบายด้านการทหารที่เปลี่ยนไปของสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการต่อสู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลาง มาเป็นท้าทายจีน
รายงานของนิกเกอิเอเชีย ระบุว่า กองกำลังเฉพาะกิจมีหน้าที่รวบรวมข่าวกรองในยามสันติ เตรียมพร้อมสำหรับรับมือกับความไม่แน่นอนต่างๆ ผ่านการศึกษาทำความเข้าใจรูปแบบพฤติกรรมและจุดอ่อนของศัตรู ถ้าการสู้รบเกิดขึ้น การโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์ และไซเบอร์จะมีเป้าหมายตัดขาดเครือข่ายการสื่อสาร ก่อความปั่นป่วนแก่ระบบควบคุมและบัญชาการของศัตรู
นิกเกอิเอเชียระบุว่า กองกำลังเฉพาะกิจนี้อาจใช้ข้อมูลที่ได้มาล่วงหน้า ลงมือโจมตีกองเรือและฐานที่มั่นของฝ่ายศัตรูด้วยขีปนาวุธ และอาจลงมือโจมตีหลากหลายในคราวเดียวกัน
สหรัฐฯ กำลังพิจารณาประจำการกองกำลังในเอเชีย สืบเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับจีน เวลานี้กองทัพอเมริกากำลังพัฒนาขีปนาวุธหลายชนิด แต่เชื่อว่าพิสัยไกลสุดของมันมีระยะทำการแค่หลักพันกิโลเมตร ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่สามารถยิงจากฮาวาย ไปถึงจีนหรือน่านน้ำในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นการประจำการขีปนาวุธใกล้จีนจึงเป็นการช่วยเสริมความพร้อมของวอชิงตัน
กองทัพสหรัฐฯ มีแผนประจำการขีปนาวุธยิงจากพื้นผิว ในบริเวณที่เรียกว่าสายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก หรือ First Island Chain ที่เชื่อมต่อโอกนาวากับไต้หวันและฟิลิปปินส์ ความคิดของเพนตากอนคือมอบหมายหน้าที่โปรเจกต์นี้ให้แก่กองกำลังเฉพาะกิจหลายมิติ เนื่องจากกองกำลังทางภาคพื้นมีความคล่องแคล่วและสามารถหลบหลีกการโจมตีด้วยขีปนาวุธของจีนได้ง่ายดาย และในฐานะกองระวังหน้า มันจะมีหน้าที่รับผิดชอบสำหรับชิงลงมือทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศ กองบัญชาการและศูนย์ควบคุมของจีน เปิดทางสำหรับกองเรือรบและฝูงบินรบของสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่รอบๆ จีน
หนึ่งในประเด็นปัญหาคือจะมีประเทศไหนในเอเชียที่ตอบตกลงให้สหรัฐฯ ใช้เป็นฐานที่ตั้งกองกำลังดังกล่าว ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นเป้าหมายการโจมตีของกองกำลังจีนในกรณีที่เกิดสงคราม และมีความเป็นไปได้ว่าจีนจะเตือนบรรดาประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงทั้งหลาย ว่า พวกเขาอาจตกเป้าหมายหมาย หากอ้าแขนต้อนรับให้กองกำลังเฉพาะกิจสหรัฐฯ เข้าประจำการ
กองทัพสหรัฐฯ มีแสนยานุภาพเหนือกว่าอย่างท่วมท้น ทั้งในด้านภาคพื้น ทะเลและอากาศ เมื่อเทียบกับองค์กรก่อการร้ายต่างๆ ในตะวันออกกลาง แต่สำหรับในภูมิภาคแถบนี้ หนังสือพิมพ์นิกเกอิเอเชียระบุว่า พวกเขาต้องเผชิญกับกองกำลังที่มีแสนยานุภาพทัดเทียมกันของจีน
(ที่มา : นิกเกอิเอเชีย)