ดัชเชสเมแกน มาร์เคิล “เกลียดการที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ดัชเชสเคท ผู้ซึ่งไม่เคยปริปากไม่พอใจใดๆ” และ “เห็นได้ว่าดัชเชสเมแกนมีความรู้สึกอิจฉา” หนังสือชีวประวัติราชวงศ์อังกฤษเล่มใหม่เอี่ยมว่าด้วย “ศึกแก้แค้นและสงครามวินเซอร์ส” เรื่อง Revenge: Meghan, Harry and the War between the Windsors โดยทอม บาวเออร์ เขียนไว้อย่างนั้น โดยทอม บาวเออร์ นักเขียนนามกระเดื่องในเรื่องราวชาวสมาชิกราชตระกูลอังกฤษ ระบุว่า เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสของเจ้าชายแฮร์รี อิจฉาที่ เคท มิดเดิลตัน ดัชเชสของเจ้าชายวิลเลียม ผู้ทรงเป็นพี่สะใภ้ ทรงสมบูรณ์แบบในทุกสิ่งอย่าง สื่อค่ายนิวส์วีกนำประเด็นฮอตฮิตของหนังสือมารายงาน
นอกจากนั้น นิวส์วีกไฮไลต์ด้วยว่า ดัชเชสคามิลลา พระชายาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ผู้ทรงเป็นแม่เลี้ยงของเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี “ทรงมองทะลุรอยยิ้มยั่วยวนผู้ชายของดัชเชสเมแกน อดีตนักแสดงสาวอเมริกัน” และ “ทรงพบว่ามันยากจะเชื่อว่าดัชเชสเมแกนจะสละความเป็นอิสระของตนเพื่อถวายงานอย่างเงียบๆ ในฐานะราชสมาชิกแห่งราชตระกูล”
หนังสือแนวชีวประวัติเรื่อง “Revenge: Meghanฯ” หรือ ศึกแก้แค้น: เมแกน แฮร์รี และสงครามระหว่างสมาชิกแห่งราชตระกูลวินด์เซอร์ส เล่มนี้ ตั้งธงไว้ ที่จะเปิดเผยบรรดาเรื่องยุ่งๆ ซึ่งห้อมล้อมดัชเชสเมแกน และเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ผู้ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 6 แห่งราชบัลลังก์อังกฤษ ตลอดจนเรื่องราวความสัมพันธ์ร้าวฉานที่ทั้งสองพระองค์ทรงมีอยู่กับพระราชวงศ์อังกฤษ เว็บไซต์ข่าวทรานส์คอนติเนนทัลไทมส์รายงาน พร้อมกับเมาท์มอยด้วยว่า นี่เป็น “ชีวประวัติที่น่าสะพรึงสำหรับดัชเชสเมแกน” ซึ่งถูกเขียนขึ้นโดยไม่ได้รับความร่วมมือจากดัชเชสแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ มีสื่อมวลชนมากมายหลายสิบค่ายเก็บประเด็นเด็ดและบทสัมภาษณ์จี๊ดจ๊าดต่างๆ ไปนำเสนอต่อท่านผู้อ่านอย่างครึกโครมตั้งแต่ยังไม่ถึงวันดีเดย์วางตลาดพรึ่บพรั่บเมื่อพฤหัสบดี 21 กรกฎาคม 2022
ดัชเชสเมแกน ทรงเปรี้ยวใส่ ดัชเชสเคท อย่างอื้อฉาวในเรื่องเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ ที่ทำเอาพระเชษฐนีพี่สะใภ้น้ำตาร่วง
“ไม่มีสมาชิกแห่งราชตระกูลวินด์เซอร์รายใดได้รับความอับอายเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่คุณพี่คุณน้องมากมายเท่ากับ ดัชเชสเมแกน” นิวส์วีกนำเรื่องนี้ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ “ศึกแก้แค้นและสงครามวินเซอร์ส” มารายงานต่อท่านผู้อ่านไว้อย่างนั้น และบอกด้วยว่า เมแกนไม่ให้ความเคารพนับถือแก่พี่สาวและพี่ชายต่างมารดา และตอนนี้ความสัมพันธ์ที่เจ้าชายแฮร์รีผู้เป็นพระสวามี มีต่อพระเชษฐาวิลเลียม ก็เป็นไปในแบบเดียวกัน
“ดัชเชสเมแกนเชื่อว่าเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์และดัชเชสเคท ไม่ได้ให้การยอมรับและเอื้อเฟื้อแก่เธออย่างที่เธอควรจะได้ เธอเกลียดการถูกนำไปเปรียบเทียบกับดัชเชสเคทผู้ซึ่งไม่เคยปริปากไม่พอใจสิ่งใดๆ ขณะที่เจ้านายแห่งเคมบริดจ์ทั้งสองพระองค์ก็มีแต่ภาพอันสมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องใช้ความพยายามเสกสรรค์ขึ้นมานั้น ในส่วนของดัชเชสเมแกน ก็เห็นได้ว่าเธอมีความรู้สึกอิจฉาในตัวดัชเชสเคท” นิวส์วีกยกข้อความอันฉะฉานดังกล่าวออกมาจากหนังสือของ ทอม บาวเออร์ เพื่อให้ได้อ่านกันทั่วหน้า
ความขัดแย้งครั้งโด่งดังที่เมแกนมีต่อพระชายาของเจ้าชายวิลเลียมอุบัติขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2018 โดยมีต้นเรื่องจากประเด็นชุดที่เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระธิดาของดัชเชสเคท จะทรงสวมในฐานะทีมหนูน้อยถือดอกไม้ในขบวนเจ้าสาวแห่งพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างนางเมแกน มาร์เคิล แม่ม่ายอเมริกันอดีตดาราฮอลลีวู้ด กับเจ้าชายแฮร์รี ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2018
โดยทอม บาวเออร์ เล่าใน “ชีวประวัติ” ว่าแม่ม่ายเมแกนที่กำลังจะเข้าพระราชพิธีเสกสมรสในอีกไม่กี่วัน มีความเห็นไม่ตรงกันกับดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ในหลายประเด็นตั้งแต่เรื่องความยาวขอบกระโปรงของเจ้าหญิงชาร์ลอตต์และบรรดาหนูน้อยแห่งขบวนเด็กถือดอกไม้ ไปจนถึงเรื่องที่หนูน้อยทั้งหลายควรจะสวมถุงน่องตามพระราชประเพณี ซึ่งเมแกนยืนกรานคัดค้าน
ทั้งนี้ ดัชเชสเคททรงให้กำเนิดแก่เจ้าชายหลุยส์เมื่อ 23 เมษายน 2018 จึงยังทรงมีอาการ “เหน็ดเหนื่อย” อันเป็นสภาวะทั่วไปของสตรีหลังคลอดบุตรซึ่งอยู่ให้ห้วงหลายสัปดาห์ที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกายจะทำการปรับตัวสู่ระดับปกติ เมื่อมามีความเห็นขัดแย้งกันในเรื่องถุงน่องที่เมแกนจะละเลยพระราชประเพณี (ซึ่งแน่นอนว่าภาพจะออกมาไม่สมฐานะพระราชพิธี) โดย “เมแกนไม่ยอมลดราวาศอกให้กับเรื่องนี้” หนังสือศึกแก้แค้นและสงครามวินเซอร์ส ให้ข้อมูลอย่างนั้น บรรยากาศ ณ ตรงนั้นจึงย่ำแย่เอามากๆ
ดัชเชสเคททรงถึงจุดที่ทรงสุดจะอดทนและถึงกับน้ำตาร่วง เมื่อว่าที่น้องสะใภ้กล่าวถึงน้องอิสซาเบล ลูกสาวของ เจสสิกา มัลโรนีย์ เพื่อนสนิทที่จะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว พร้อมกล่าวเปรียบเทียบเจ้าหญิงชาร์ลอตต์กับน้องอิสซาเบล ซึ่งจะอยู่ในทีมหนูน้อยแห่งขบวนเด็กถือดอกไม้ ด้วยถ้อยคำเชือดเฉือนใจว่า “เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงไม่น่าโปรดปรานเท่ากับน้องอิสซาเบล” ทอม บาวเออร์ เล่าอย่างนั้น
ประเด็นร้อนข้อนี้ยังไม่เป็นที่ล่วงรู้ออกสู่สาธารณชน จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน 2018 สื่อมวลชนในอังกฤษพากันเล่นข่าวนี้กันอย่างสนุก
ด้านดัชเชสเมแกน กว่าจะได้โอกาสตอบโต้กลับ ก็อีกเนิ่นนานทีเดียว กล่าวคือ เมื่อเธอให้สัมภาษณ์ในรายการโอปราห์ วินฟรีย์ ในเดือนมีนาคม 2021 เธอนำเรื่องนี้ไปเล่าในเวอร์ชั่นของเธอว่า เธอเป็นฝ่ายที่ร้องไห้ และดัชเชสเคทคือฝ่ายที่กล่าวขออภัยเธอ
ยิ่งกว่านั้นในสัมภาษณ์แมตช์เดียวกันนั้น ดัชเชสเมแกนเอ่ยถึงรายงานข่าวของสื่อมวลชนต่างๆ ที่ระบุว่าเธอทำให้ดัชเชสเคทร้องไห้ โดยบอกว่า “พวกนั้น(สื่อมวลชน) ดูเหมือนจะอยากสร้างเรื่องให้มีตัวนางเอกกับตัวผู้ร้าย”
สื่อมวลชนและผู้สันทัดกรณีราชวงศ์วิเคราะห์แนวโน้มว่า “ดัชเชสรายใดกันแน่ ที่ทรงน้ำตาริน”
ด้านสื่อขาใหญ่ของอังกฤษอย่าง เดลีเมลยูเค ซึ่งบอก “ศึกแก้แค้น-สงครามวินเซอร์ส” ของทอม บาวเออร์ ให้ภาพว่าดัชเชสเมแกนเป็นคนที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์ปึงปัง ประเดี๋ยวดี-ประเดี๋ยวร้าย ตลอดจนช่างยุแยงและหลอกใช้คน นั้น ได้นำเสนอข้อมูลของทอม บาวเออร์ ตลอดจนข้อมูลอื่นอีก 2 แหล่ง มาวิเคราะห์แนวโน้มว่า เป็นดัชเชสเคท หรือดัชเชสเมแกนกันแน่ ที่ทรงน้ำตารินในเหตุการณ์โต้เถียงเรื่องชุดของทีมหนูน้อยถือดอกไม้ในขบวนแห่เจ้าสาวเข้าโบสถ์ ดังนี้
1.ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์อังกฤษ นาม เคตี้ นิโคลล์ เตือนใจสาธารณชนว่าดัชเชสเคทไม่เคยตกเป็นข่าวเรื่องทะเลาะแตกหักกับผู้ใด เพราะทรงระมัดระวังความรู้สึกของผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง เดลีเมล ยูเค นำประเด็นนี้ขึ้นมาบอกในสิ่งที่ประชาชนอาจจะเผลอลืม
2. “Revenge: Meghan – ศึกแก้แค้น-สงครามวินเซอร์ส” นำเสนอว่าดัชเชสเมแกนแห่งซัสเซกซ์มักจะทำให้ผู้อื่นน้ำตาร่วงด้วยโทนเสียงเกรี้ยวกราด นอกจากนั้น เธอเป็นคนเรียกร้องสูงมาแต่ไหนแต่ไร เช่น เมื่อรับงานธุรกิจใดๆ เธอต้องได้ตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่ง ได้ที่พักหรูเลิศ เดลีเมล ยูเค นำข้อเขียนดังกล่าวของทอม บาวเออร์ มาช่วยชี้เบาะแสใครกันแน่ที่น่าจะสามารถทำให้อีกฝ่ายกรรแสง
พร้อมนี้ยังนำเสนออีกหนึ่งแหล่งข่าวของ ทอม บาวเออร์ ที่เป็นเพื่อนนักธุรกิจซึ่งเคยดีลงานกับเมแกน บอกว่าเมแกนที่เขารู้จัก เป็นหนึ่งในบรรดาคนที่ไม่น่าคบหาอย่างที่สุด และบอกด้วยว่า เมื่อได้ดูหมิ่นผู้อื่น เธอจะออกท่าทีประมาณว่าพออกพอใจ
3.เดลี เทเลกราฟ เคยอ้างแหล่งข่าวสองรายที่บอกว่า ดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ทรงร้องไห้หลังการโต้แย้งกับเมแกนผู้เป็นว่าที่น้องสะใภ้ ในเรื่องชุดของหนูน้อยถือดอกไม้ ทั้งนี้ แหล่งข่าวรายหนึ่งชี้แจงว่า “ดัชเชสเคทเพิ่งให้กำเนิดแก่เจ้าชายหลุยส์ และอยู่ในภาวะสตรีหลังคลอดบุตรซึ่งจะค่อนข้างสะเทือนใจง่าย” เดลีเมล ยูเค นำข้อมูลนี้ขึ้นมาประกอบการวิเคราะห์ด้วย
สำหรับในส่วนที่ดัชเชสเมแกนทรงเล่าออกอากาศในรายการโอปราห์ วินฟรีย์ นั้น ผู้เชี่ยวชาญเคตี้ นิโคลล์ให้สัมภาษณ์แก่ OK! magazine ว่าดัชเชสเมแกนทราบดีว่าพระเชษฐนีพี่สะใภ้ไม่อยู่ในฐานะที่จะออกมาตอบโต้สตอรี่ที่เธอนำไปเล่าแก่ผู้คนทั่วสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก โดยเดลีเมล ยูเค คัดข้อความมารายงานไว้ดังนี้
“จากสิ่งที่ดิฉันได้ฟังมา มีกันหลายเวอร์ชันเลยค่ะสำหรับเรื่องชุดเด็กถือดอกไม้ ไม่ใช่แค่เวอร์ชันที่ดัชเชสเมแกนไปเล่าแก่โอปราห์ โดยดัชเชสเคททรงมองว่าเรื่องนี้เคลียร์จบไปแล้ว ดังนั้น เมื่อนำขึ้นมาพูดถึงอีก ดัชเชสเคทรู้สึกว่ามันไม่เหมาะไม่งามน่ะค่ะ นอกจากนั้นดัชเชสเคทก็ทรงไม่อยู่ในฐานะที่จะโต้ตอบได้ ซึ่งดัชเชสเมแกนและเจ้าชายแฮร์รีทรงทราบถึงจุดนี้ค่ะ”
อนึ่ง กระแสข่าวฮือฮากรณีดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงเปรี้ยวใส่ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งอื้อฉาวเปรี้ยงปร้างในเดือนพฤศจิกายน 2018 สามารถโรยตัวสงบลงในที่สุด และต่อมาในเทศกาลคริสต์มาส 25 ธันวาคม 2018 สื่อมวลชนได้มีภาพน่าชื่นใจไปฝากท่านผู้ชมทั่วโลก คือภาพบรรยากาศแจ่มใสระหว่างดัชเชสเคทกับดัชเชสเมแกน โดยครอบครัวของดยุกแห่งเคมบริดจ์และดยุกแห่งซัสเซกซ์ ตามเสด็จเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ผู้ทรงเป็นพระบิดา และควีนเอลิซาเบธกับเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ผู้ทรงเป็นพระอัยยิกาและพระอัยกา ไปพักผ่อนที่พระตำหนักซานดริงแฮมในเขตชายทะเลแห่งนอร์โฟล์คทางฝั่งตะวันออกของประเทศ และมีการเสด็จพระดำเนินไปยังโบสถ์นักบุญมารีอา แมกดาลีน เพื่อร่วมพิธีมิสซาฉลองคริสต์มาส
กระนั้นก็ตาม สื่อมวลชนไม่วายที่จะได้ประเด็นข่าวใหม่ไปรายงานสู่ประชาชน ด้วยการนำเสนอช็อตเล็กๆ ในคลิปไม่กี่นาทีที่สมาชิกราชตระกูลวินด์เซอร์สทรงเดินทางกลับ และมีจังหวะ 1-3 วินาทีที่ดัชเชสเมแกนทรงเหลียวหลังมองเจ้าชายวิลเลียมหรือไม่ก็ดัชเชสเคทซึ่งทรงอยู่ใกล้ๆ แต่เจ้าชายวิลเลียมทรงง่วนอยู่กับการจัดผ้าพันพระศอ แล้วดัชเชสเมแกนก็หันกลับมา ขณะที่การจัดผ้าพันพระศอยังดำเนินต่ออีกสิบกว่าวินาทีกันเลยทีเดียว พระโมเมนต์เล็กๆ นี้กลายเป็นข่าวฮือฮาว่าเจ้าชายวิลเลียมทรงตั้งพระทัยจะไม่สนทนากับดัชเชสเมแกน
และแล้ว ปี 2019 กลายเป็นห้วงเวลาที่เต็มไปด้วยข่าวความสัมพันธ์แตกร้าวระหว่างเจ้าชายแฮร์รีกับเจ้าชายวิลเลียม
สำหรับในส่วนของดัชเชสเคทกับดัชเชสเมแกน ได้มีความเคลื่อนไหวทางบวกปรากฏต่อสายตาของประชาชนในเดือนกรกฎาคม 2019 ดัชเชสทั้งสองทรงมีกิจกรรมร่วมกันและมีพระโมเมนต์ดีๆ ทรงสนทนามุ้งมิ้งน่ารักและชี้ชวนกันชมมุมมองต่างๆ อย่างมากมาย ในโอกาสที่ทรงไปชมเทนนิสรายการใหญ่ของอังกฤษด้วยกัน ได้แก่ ศึกชิงแชมป์เทนนิสแกรนด์สแลม วิมเบิลดัน 2019 ที่เซ็นเตอร์ คอร์ด กรุงลอนดอน ซึ่งดัชเชสเมแกนไปเชียร์เซเรนา วิลเลียมส์ ผู้เป็นพระสหาย และทั้งสองดัชเชสทรงสนุกกับเกมเป็นอย่างยิ่ง
ดัชเชสคามิลลา พระชายาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ทรงเห็นวี่แววปัญหาจาก ดัชเชสเมแกน
ส่วนที่ขาดมิได้อย่างยิ่งในชีวประวัติแห่ง “ศึกแก้แค้น-สงครามวินเซอร์ส” คือวิสัยทัศน์ของผู้หลักผู้ใหญ่ในราชตระกูล ผู้หลักผู้ใหญ่ผู้ซึ่งเคยพบเจอกับมนุษย์มนาร้อยพ่อพันแม่มาหมดแล้ว ซึ่งก็ได้แก่ ดัชเชสคามิลลาแห่งคอร์นวอลล์ พระชายาของว่าที่กษัตริย์อังกฤษ โดยนิวสวีกนำข้อมูลของทอม บาวเออร์ มานำเสนอดังนี้
“ดัชเชสคามิลลาทรงรู้สึกว่าดัชเชสเมแกนเป็นหญิงนักผจญภัยจากลอสแอนเจลิส”
นอกจากนั้น ทอม บาวเออร์ยังเขียนฟันธงด้วยว่า
“ทรงสามารถมองทะลุรอยยิ้มยั่วยวนใจชายของอดีตนักแสดงสาวอเมริกัน และลักษณะที่คุยไปก็คอยแตะเนื้อต้องตัวคู่สนทนาไป
“ทรงได้เห็นมาเป็นครั้งคราวแล้วกับพวกผู้หญิงนักผจญภัยที่คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ
“คนพวกนี้เป็นประเภทที่ดัชเชสคามิลลาอาจจะเรียกว่า “ผู้หญิงจัดจ้าน” มันจึงยากจะเชื่อได้ว่าดัชเชสเมแกนจะสละความเป็นอิสระของตนและถวายงานไปอย่างเงียบๆ ในฐานะสมาชิกแห่งราชตระกูลวินเซอร์ส กระนั้นก็ตาม ดัชเชสคามิลลาทรงไม่ปริปากเอ่ยเรื่องเหล่านี้ออกไป” ชีวประวัติเรื่อง Revenge: Meghan, Harry and the War between the Windsors เขียนไว้อย่างนั้น
ทอม บาวเออร์ ยอมรับ ชีวประวัติเล่มนี้เขียนด้วยข้อมูลจากบรรดาผู้ที่ไม่ชอบดัชเชสเมแกน
ทอม บาวเออร์ เจ้าของชีวประวัติแห่ง “ศึกแก้แค้น-สงครามวินเซอร์ส” กล่าวถึงเบื้องหลังการสัมภาษณ์รวบรวมข้อมูลมาเขียนหนังสือเล่มฮอตฮิตนี้ ในทางยอมรับว่าแหล่งข่าวของตนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่ชอบดัชเชสเมแกน เพราะเธอได้กำชับไม่ให้บรรดาผู้คนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอ ไปเปิดปากให้ข้อมูลใดๆ เดลีเมล ยูเค รายงานอย่างนั้น
โดยบอกว่า ทอม บาวเออร์ กล่าวกับสื่อกู๊ดมอร์นิง บริเทน ดังนี้ “ดัชเชสเมแกนบอกเพื่อนทุกคน และบรรดาผู้ที่ทำงานให้เธอ ว่าอย่าไปคุยกับผม ดังนั้น งานชิ้นนี้จึงยากเข็ญทีเดียวครับ แต่ผมก็ได้แหล่งข่าวมามากมายพอใช้ได้เลย มากมายเกินพอล่ะครับ ผมได้สัมภาษณ์มาประมาณ 80 รายครับ”
ต่อคำถามว่าชีวประวัติเล่มนี้จะมีความเป็นกลางเพียงใด ในเมื่อผู้ให้ข้อมูลล้วนแต่ไม่ชอบดัชเชสเมแกน ทอม บาวเออร์ ตอบว่า “เพราะผมตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด ผมไม่มีการใส่สิ่งที่ไม่เป็นความจริง หรือกระทั่งสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้” เดลีเมล ยูเค รายงาน
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: นิวส์วีก ทรานส์คอนติเนนทัลไทมส์ เพจซิกส์ เดลีเมลยูเค เดลี เทเลกราฟ เคมบริดจ์-นิวส์.คอม นิวส์.คอม.เอยู เอพี รอยเตอร์)