เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ภายในรัฐบาลสหรัฐฯมีการคาดว่า ปักกิ่งอาจถึงขั้นประกาศเขตห้ามบินเหนือกรุงไทเปเตรียมรับการเยือนประธานรัฐสภาสหรัฐฯที่อาจนำมาสู่การยิงเครื่องบินเหนือน่านฟ้า ด้านอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯสมัยทรัมป์ ไมค์ พอมเพโอ ทวีตวันอาทิตย์(24 ก.ค)ออกโรงสนับสนุนแนนซี เพโลซี เสนอตัวเป็นเพื่อนร่วมเดินทางเยือนไต้หวันเดือนหน้า ด้านอดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย พอล คีทติง เตือนสหรัฐฯส่งระดับเพโลซีมาถึงไต้หวันเท่ากับราดน้ำมันติดไฟในอินโดแปซิฟิกเสี่ยงสูงเกิดปะทะทางทหาร
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้(26 ก.ค)ว่า มีสมาชิกพรรครีพับลิกันเพิ่มขึ้นมากขึ้นออกมาสนับสนุนแผนการเยือนไต้หวันของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี เยือนไต้หวันเดือนสิงหาคม ล่าสุดวันอาทิตย์(24) อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯสมัยทรัมป์ ไมค์ พอมเพโอ( Mike Pompeo )ออกมาทวีตเสนอตัวร่วมการเดินทางเยือนไต้หวันกับเพโลซี
“แนนซี ผมจะไปกับคุณด้วย ผมถูกแบนในจีนแต่ไม่ใช่กับไต้หวันดินแดนที่รักในประชาธิปไตย พบคุณที่นั่น!” พอมเพโอกล่าวผ่านทวิตเตอร์
CNN รายงานว่า ในทางลับเจ้าหน้าที่รัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ต่างออกมาแสดงความวิตกว่า จีนสามารถประกาศเขตห้ามบินเหนือกรุงไทเปสำหรับการเยือนของเพโลซี
ทั้งนี้ฮินดูสถาน สื่ออินเดีย รายงานโดยอ้างอิงจากบลูมเบิร์กกล่าวว่า ในวันจันทร์(25) กระทรวงต่างประเทศจีนอีกครั้งออกมายืนยันทางสาธารณะว่า ปักกิ่งกำลังเตรียมความพร้อม “อย่างจริงจัง” สำหรับการเยือนไต้หวันของประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการออกมาตอบโต้การรายงานของไฟแนนเชียลไทม์สที่อ้างว่า ปักกิ่งได้แจ้งเตือนทางลับไปยังสหรัฐฯ โดยไฟแนนเชียลไทม์สชชี้ว่า อาจเกี่ยวข้องกับการทหาร
CNN รายงานเพิ่มเติมว่า อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯสมัยทรัมป์ มาร์ค เอสเปอร์ (Mark Esper) ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสื่อสหรัฐฯสนับสนุนการเดินทางของเพโลซีเช่นเดียวกันกับพอมเพโอโดยชี้ว่า หากว่าเพโลซีต้องการเยือนไต้หวันเธอสมควรทำเช่นนั้นได้ พร้อมกับชี้ภัยคุกคามจีนเชิงประจักษ์ต่อสหรัฐฯโดยอ้างความเห็นของผู้อำนวยการ FBIสหรัฐฯ คริส เรย์ (Christ Wray) ที่ว่าเขาเปิดการสอบสวนต่อต้านจารกรรมลับทุก 12 ชั่วโมง
เขาระบุต่อว่า พวกเรารู้มานานแล้วว่าจีนเป็นภัยคุกคามต่อประเทศและต่อตำแหน่งของสหรัฐฯในโลกและนั่นเป็นสาเหตุที่ว่าเหตุใดสหรัฐฯเพิ่มความแข็งกร้าวต่อจีนทุกแนวรบ ซึ่งสำหรับเอสเปอร์เขาเปิดเผยว่า เพิ่งเดินทางกลับมาจากไทเปและพบกับบรรดาผู้นำนั่นรวมไปถึงประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิงเหวิน
ทั้งนี้หากเพโลซีไปจริงก็เท่ากับเป็นประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯคนที่ 2 ที่ไปเยือนไต้หวันหลังก่อนหน้าในปี 1997 อดีตประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน นิวต์ กิงกริช (Newt Gingrich) เคยไปเยือนมาแล้วแต่เป็นเวลาที่ต่างและไม่ใช่จีนเช่นปัจจุบันนี้
CNN รายงานว่า ในเวลานั้นกิงกริชที่ไปเยือนกรุงปักกิ่งและเมืองเซียงไฮ้เช่นกันได้เตือนผู้นำระดับสูงปักกิ่งในเวลานั้นว่า สหรัฐฯจะเข้าแทรกแซงทางการทหารหากไต้หวันถูกโจมตี
NBC News รายงานว่าวันจันทร์(25) กรุงไทเปทำการฝึกซ้อมหลบการโจมตีทางอากาศซึ่งมีภาพประชาชนไปหลบในบังเกอร์ระหว่างเสียงไซเรนเตือนดังขึ้นและกองทัพไต้หวันฝึกซ้อมประจำปีแบบสมจริงทั้งการประสานร่วมทั้งทางอากาศและทางทะเลที่บังเอิญรับกับข่าวแผนการเยือนไต้หวันของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
ข่าวการเยือนไต้หวันของเพโลซีได้สร้างความแปลกใจหลังจากอดีตผู้นำแคนเบอร์ราซึ่งเป็นชาติที่ร่วมอยู่ในกลุ่ม QUAD และกลุ่ม AKUS ที่ถือเป็นพันธมิตรแปซิฟิกร่วมกับสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ แต่ทว่าอดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียคนที่ 24 จากพรรคเลเบอร์ พอล คีทติง (Paul Keating) ระหว่างปี 1991 ถึงปี 1996 ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเยือนไต้หวันของสหรัฐฯ
หนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮอรัลด์รายงานเมื่อวานนี้(25)ว่า คีทติงออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยและโกรธจัดจากแผนการเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซี
โดยเขากล่าวหาว่าประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯกำลังเพิ่มความตรึงเครียดกับปักกิ่งและแผนการเยือนเดือนหน้าของเธอเสี่ยงที่จะทำให้เกิดกำลังปะทะการทหารเกิดขึ้นภายในภูมิภาค
แถลงการณ์ที่ออกมาค่ำวันจันทร์(25)มีใจความว่า “ทั่วทั้งขอบเขตทางการเมืองไม่มีผู้สังเกตการณ์ในความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบระหว่างจีน-ไต้หวันสงสัยเลยว่าการเยือนเช่นนั้นโดยประธานสภาคองเกรสอเมริกันอาจทำให้เข้าสู่การเป็นศัตรูทางการทหาร”
และคีทติงกล่าวต่อว่า “หากสถานการณ์เกิดคำนวณผิดพลาดหรือเป็นการจัดการที่ผิดพลาด ผลลัพท์ทางด้านความมั่นคง ความมั่งคั่ง และกฎเกณฑ์ของภูมิภาคและของโลก (และเหนืออื่นใดเพื่อไต้หวันเอง)จะต้องหายนะ”
หนังสือพิมพ์ออสเตรเลียกล่าวว่า ที่ผ่านมาคีทติงออกมาแสดงความเห็นในเชิงวิตกต่อนโยบายสหรัฐฯและออสเตรเลียที่มีต่อปักกิ่งโดยอ้างว่า อนาคตของไต้หวันนั้นเป็นกิจการด้านพลเรือนสำหรับจีน และไม่ใช่ผลประโยชน์สำคัญสำหรับออสเตรเลีย แต่ทว่าเป็นความเห็นที่ถูกต่อต้านกลับมาจากทั้งกลุ่มการเมืองผสมออสเตรเลีย พรรคเลเบอร์ของเขาและจากไทเป
ในแถลงการณ์อดีตนายกฯออสเตรเลียกล่าววิพากษ์เพโลซีอย่างรุนแรงว่า "การเยือนของเพโลซีนั้นจะเป็นความโง่เขลาอย่างไม่คาดฝัน อันตราย และไม่มีความจำเป็นต่อสิ่งใดนอกเหนือไปจากตัวเธอเอง”
และชี้ว่า “มากกว่าสิบปีที่ผ่านมาประเทศเช่น สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ต่างใช้ทางเลือกที่มีความเป็นจริงที่มีอยู่ในความสัมพันธ์เหนือช่องแคบ พวกเราขอเรียกร้องทั้งสองฝ่ายให้จัดการสถานการณ์ในหนทางที่มั่นใจว่าผลลัพท์ที่ออกมาจะเกิดขึ้นในทางสันติสุขนั้นจะมีอยู่เสมอ”
ทั้งนี้คีทติงชี้ว่า การเยือนไต้หวันของเพโลซีครั้งแรกนี้จะคุกคามในสิ่งที่พวกเราได้สร้างมาทั้งความสงบ ความโปร่งใส และความอ่อนไหวผ่านข้อความที่ถูกส่งไปให้ป่นปี้