ยูเครนกำลังหาทางกำหนดบทลงโทษหนักหน่วงสำหรับพลเรือนที่กำลังได้รับสิทธิพลเมืองสหพันธรัฐรัสเซีย โดยเวลานี้เคียฟอยู่ระหว่างพิจารณาร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งเสนอโทษปรับและจำคุกเป็นเวลานาน สำหรับบุคคลที่กำลังทำเช่นนั้น อนาโตลี สเตลมัคช์ รัฐมนตรีช่วยว่าการด้านผนวกคืนดินแดนที่ถูกยึดครองชั่วคราว เปิดเผยในวันจันทร์ (25 ก.ค.)
"เวลานี้เราอยู่ระหว่างพิจารณากฎหมาย ในบางมาตรากำหนดบทลงโทษต่างๆ ไล่ตั้งแต่โทษปรับเงินไปจนถึงจำคุก 15 ปี" สเตลมัคช์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ยูเครน
แนวคิดของการกำหนดให้การได้รับสิทธิพลเมืองรัสเซียเป็น "อาชญากรรม" ได้รับการสนับสนุนจาก ไอรินา เวเรสชุค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงผนวกคืนดินแดนที่ถูกยึดครองชั่วคราว ซึ่งยอมรับอย่างเปิดเผยว่า ร่างกฎหมายนี้มีแรงจูงใจทางการเมืองมากกว่าทางกฎหมาย
ในข้อความที่โพสต์บนเทเลแกรมเมื่อวันศุกร์ (22 ก.ค.) เวเรสชุค ระบุว่า ความพยายามรับสิทธิความเป็นพลเมืองรัสเซีย อาจเป็นความผิดทางอาญาในยูเครนเร็วๆ นี้ "อีกด้านหนึ่ง พาสปอร์ตของผู้รุกรานช่วยชาวบ้านทั่วไปอยู่รอดระะหว่างการรุกราน แต่อีกด้านหนึ่ง เราจะอธิบายกับพลเมืองของเราอย่างไร พลเมืองที่สู้รบจนตัวตายในแนวหน้า? ในนั้นรวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าพาสปอร์ตรัสเซียจะไม่มีทางเกิดขึ้นในดินแดนของเรา"
เวเรสชุค เปิดเผยว่าประเด็นนี้เคยถูกหยิบยกมาหารือกันระหว่างการประชุมลับระหว่างหน่วยงานในกระทรวงฯ "ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการร่างกฎหมาย จะมีการพูดคุยหารือกัน แต่แนวทางนั้นได้ข้อสรุปแล้ว"
เธอยอมรับว่าการพูดคุยหารืออาจต้องใช้เวลานานและยุ่งยากซับซ้อน ทั้งเกี่ยวกับแง่มุมทางกฎหมายของการถือครองพาสปอร์ตรัสเซีย เกี่ยวกับสิทธิมนุษชนและความจำเป็นเพื่อความอยู่นอดภายใต้การรุกราน "อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า เลือดของชาวยูเครนจำนวนมากเปื้อนอยู่บนพาสปอร์ตสีแดงของรัสเซีย มีทั้งเลือดของทหารและพลเรือน เลือดของผู้หญิงและเด็ก"
ก่อนหน้านั้น 2 วัน เธอเขียนบนเฟซบุ๊กว่ารัสเซียกำลังใช้พาสปอร์ตและประชามติเป็นอาวุธ และมันมีความอันตรายมากกว่าขีปนาวุธเสียอีก
เธอระบุว่า อาวุธเหล่านี้สามารถช่วยให้รัสเซียจัดตั้ง "โล่มีชีวิตประชาชนชาวยูเครน" ในดินแดนต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุม เพราะฉะนั้นเคียฟจึงควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจนขึ้นและแข็งกร้าวขึ้นกับชาวยูเครนที่รับสิทธิความเป็นพลเรือนจากรัฐผู้รุกรานและร่วมโหวตในการลงประชามติ "ฉันเข้าใจดีว่ามันหนักหน่วงมาก แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความอยู่รอดของรัฐยูเครน" เวเรสชุค ระบุ
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ลงนามในคำสั่งกฤษฎีกาฉบับหนึ่ง มอบสิทธิความเป็นพลเมืองแบบเร่งด่วนแก่ชาวยูเครนทุกคน ท่ามกลางปฏิบัติการทางทหารรุกรานยูเครนที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือนแล้ว
กฤษฎีกาฉบับนี้ระบุว่า "พลเมืองยูเครนทุกคนได้รับสิทธิยื่นคำร้องสำหรับเข้าเป็นพลเมืองของสหพันธรัฐรัสเซีย ในวิธีการแบบรวบรัด"
ทั้งนี้ กฤษฎีกาล่าสุดเป็นการเพิ่มเติมจากคำสั่งต่างๆ ก่อนหน้านี้ ในนั้นรวมถึงที่ประกาศออกมาในช่วงต้นของการรุกราน เปิดทางให้พลเมืองยูเครนที่ใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของมอสโก ได้รับพาสปอร์ตรัสเซียง่ายขึ้น ทั้งในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ เช่นเดียวกับพลเมืองของแคว้นเคอร์ซอนและแคว้นซาปอริซเซีย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังรัสเซีย
กระทรวงการต่างประเทศยูเครน ตอบโต้ว่าความเคลื่อนไหวของมอสโกไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นความพยายามล่วงล้ำอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน
(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)