เครมลินลั่น การโจมตีเมืองโอเดสซาไม่ส่งผลกระทบต่อข้อตกลงฟื้นการส่งออกธัญพืชของยูเครน ยืนยันยิงขีปนาวุธใส่เฉพาะเรือรบเคียฟ และคลังขีปนาวุธต่อสู้เรือซึ่งอเมริกาจัดส่งให้ยูเครนเท่านั้น
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน แถลงต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ (25 ก.ค.) หรือ 2 วันหลังเกิดเหตุขีปนาวุธโจมตีโอเดสซา เมืองท่าสำคัญในทะเลดำของยูเครน โดยระบุว่า การโจมตีดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการเริ่มดำเนินการจัดส่งธัญพืชของเคียฟ เนื่องจากรัสเซียพุ่งเป้าเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหารในเมืองท่าแห่งนั้นเท่านั้น
การโจมตีเมืองโอเดสซาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่ถึง 1 วันหลังจากมอสโกลงนามร่วมกับเคียฟในข้อตกลงยุติการปิดกั้นการส่งออกธัญพืชจากท่าเรือของยูเครน
ฝ่ายตะวันตกประณามการโจมตีดังกล่าว โดยวอชิงตันระบุว่า น่าสงสัยมากว่ารัสเซียจะปฏิบัติตามข้อตกลงหรือไม่
ขณะที่ ฮูลูซี อาการ์ รัฐมนตรีกลาโหมตุรกี ที่เป็นตัวกลางร่วมกับสหประชาชาติ ทำให้ข้อตกลงนี้เกิดขึ้น กล่าวว่า ได้รับการยืนยันจากมอสโกว่า กองกำลังรัสเซียไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีโอเดสซา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามฮับส่งออกของยูเครน ที่จะฟื้นการส่งออกธัญพืชอย่างปลอดภัยตามข้อตกลงล่าสุด
อย่างไรก็ตาม รัสเซียยอมรับในเวลาต่อมาว่า ใช้ขีปนาวุธที่มีความแม่นยำสูง ยิงจากทะเล เข้าโจมตีเรือรบยูเครนและคลังเก็บขีปนาวุธต่อต้านเรือที่อเมริกาจัดส่งให้เคียฟ
สำหรับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า เป็นความป่าเถื่อนของรัสเซีย
กระนั้น เจ้าหน้าที่ยูเครนเผยว่า กำลังอยู่ระหว่างลำเลียงจัดเก็บข้าวสาลีที่ท่าเรือดังกล่าวขณะเกิดเหตุโจมตี ทว่าสต๊อกอาหารไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
เวลาเดียวกัน เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนหลายประเทศในแอฟริกา ได้ให้ความมั่นใจระหว่างแวะที่อียิปต์เมื่อวันอาทิตย์ (24) ว่า รัสเซียสามารถจัดส่งธัญพืชไปให้ตามคำสั่งซื้อของประเทศต่างๆ
สงครามยูเครนส่งผลให้วิกฤตอาหารโลกเลวร้ายลง ยูเครนและตะวันตกโทษว่า สาเหตุมาจากการที่รัสเซียปิดกั้นการส่งออกของยูเครนผ่านทะเลดำ ขณะที่มอสโกตอบโต้ว่า เป็นผลจากมาตรการแซงก์ชันของตะวันตก ตลอดจนการที่ยูเครนวางทุ่นระเบิดในทะเลดำ
ราคาธัญญาหารในแอฟริกา ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดในโลกและอุปทานอาหารตึงตัวอย่างหนัก พุ่งขึ้นจากปัญหาการส่งออกของยูเครน
ข้าวสาลีและธัญพืชอื่นๆ จำนวนมากตกค้างในท่าเรือยูเครน ซึ่งถูกเรือรบรัสเซียปิดล้อม เช่นเดียวกับทุ่นระเบิดที่เคียฟวางไว้เพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของมอสโก
เซเลนสกีกล่าวว่า สามารถจะส่งออกสินค้าเกษตรราว 20 ล้านตันจากที่เก็บเกี่ยวไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วและผลผลิตปัจจุบันภายใต้ข้อตกลงปัจจุบัน และประเมินว่า สต๊อกธัญพืชของยูเครนขณะนี้มีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์
ด้านนักการทูตคาดว่า ยูเครนจะเริ่มจัดส่งธัญพืชได้อย่างเต็มที่กลางเดือนหน้า
อย่างไรก็ตาม การที่เคียฟกับมอสโกทำข้อตกลงกันได้ที่เมืองอิสตันบูล ตุรกี ซึ่งเปิดทางให้แก่การส่งออกธัญพืชคราวนี้ เห็นกันว่ามีผลน้อยมากต่อสถานการณ์ในสนามรบ ซึ่งกองกำลังรัสเซียระดมถล่มแนวรบทั่วยูเครนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่ภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออก
ช่วงไม่กี่วันมานี้ ยูเครนอ้างว่าจะเปิดการโจมตีตอบโต้กลับ เพื่อชิงพื้นที่ทางภาคใต้กลับคืน โดยที่ เซียร์กีย์ แคลน ผู้ช่วยผู้นำแคว้นเคียร์ซอน ซึ่งที่รัสเซียยึดครองอยู่ อ้างว่า สถานการณ์ในสนามรบถึงจุดเปลี่ยนแล้ว และตอนนี้เคียฟเปลี่ยนจากป้องกันมาเป็นการโจมตีตอบโต้
ทว่า สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียรายงานในวันจันทร์โดยอ้างการเปิดเผยของ วลาดิมีร์ โรกอฟ สมาชิกรัฐบาลแคว้นซาโปริเซียที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียว่า แคว้นเคียร์ซอนและแคว้นซาโปริเซียซึ่งอยู่ติดกัน อาจจัดการลงประชามติต้นเดือนกันยายนนี้เพื่อเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
ด้านอังกฤษอ้างเช่นกันว่า ผู้บัญชาการทหารรัสเซียเผชิญสถานการณ์หนีเสือปะจระเข้ เนื่องจากต้องตัดสินใจระหว่างการเพิ่มกำลังป้องกันรอบๆ เคียร์ซอนและบริเวณใกล้เคียง กับการส่งกำลังบุกทางภาคตะวันออกต่อไปอีก
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)