รอยเตอร์ - ยูเครนพยายามเต็มที่เพื่อรีสตาร์ทการส่งออกธัญพืชจากเมืองท่าริมทะเลดำ หลังท่าเรือเมืองโอเดสซาถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ ซึ่งทั้งเคียฟ และวอชิงตันต่างตั้งข้อสงสัยต่อความน่าเชื่อถือของรัสเซียในการปฏิบัติตามข้อตกลงผ่อนคลายปัญหาการขาดแคลนอาหารทั่วโลกตามที่ตกลงไว้กับเคียฟ โดยมีตุรกี และยูเอ็นเป็นตัวกลางเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ประณามเหตุการณ์โจมตีเมืองโอเดสซาว่า เป็นความป่าเถื่อนอย่างโจ่งแจ้งจนไม่อาจเชื่อใจว่า รัสเซียจะปฏิบัติตามข้อตกลงเมื่อวันศุกร์ (22 ก.ค.) ซึ่งมีตุรกีและสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นตัวกลางได้
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรียูเครนเผยว่า กำลังเตรียมการเพื่อฟื้นการจัดส่งธัญพืช และสถานีทีวีของรัฐรายงาน โดยอ้างการเปิดเผยของกองทัพยูเครนว่า การโจมตีดังกล่าวทำให้ท่าเรือเสียหายไม่มากนัก
ทั้งนี้ ข้อตกลงที่มอสโกลงนามร่วมกับเคียฟถือเป็นความคืบหน้าสำคัญทางการทูต และยังจะช่วยหยุดยั้งการพุ่งขึ้นของราคาอาหารในตลาดโลก กระนั้น ขณะที่สงครามเข้าสู่เดือนที่ 6 ในวันอาทิตย์ (24 ก.ค.) ยังไม่มีสัญญาณว่าการต่อสู้จะเบาลง
แม้สนามรบหลักอยู่ในเขตดอนบาสทางด้านตะวันออก แต่เซเลนสกีระบุในวิดีโอที่โพสต์เมื่อคืนวันเสาร์ (23 ก.ค.) ว่ากองกำลังยูเครนจะเคลื่อนเข้าสู่เขตเคอร์สันทางตะวันออกของทะเลดำที่ถูกรัสเซียยึดครองอยู่ “ทีละขั้นตอน”
กองทัพยูเครนรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า รัสเซียยิงปืนใหญ่ถล่มหลายจุดทางเหนือ ใต้ และตะวันออก และกองกำลังรัสเซียกำลังพยายามบุกโจมตีเมืองแบคห์มุตในดอนบาส
ขณะเดียวกัน การโจมตีเมืองโอเดสซากระตุ้นให้ยูเอ็น สหภาพยุโรป (อียู) อเมริกา อังกฤษ เยอรมนี และอิตาลี ออกมาประณามอย่างแข็งกร้าว
วิดีโอที่กองทัพยูเครนเผยแพร่เป็นภาพเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามดับไฟเรือลำหนึ่งที่จอดอยู่ข้างเรือลากจูงอีกลำ อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ระบุว่า ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันวิดีโอดังกล่าวหรือวันที่ถ่ายได้
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา แถลงว่า การโจมตีโอเดสซาทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือต่อความมุ่งมั่นของรัสเซียในการปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้เมื่อวันศุกร์ รัสเซียต้องรับผิดชอบวิกฤตอาหารโลกที่เลวร้ายลงและต้องหยุดรุกรานยูเครน
แอนโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ประณามการโจมตีดังกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม และสำทับว่า การดำเนินการตามข้อตกลงอย่างสมบูรณ์เป็นสิ่งที่จำเป็น
ฮูลูไซ อาการ์ รัฐมนตรีกลาโหมตุรกี ระบุ เจ้าหน้าที่รัสเซียยืนยันกับอังการาว่า มอสโกไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีเมืองโอเดสซา แต่ข้อเท็จจริงที่ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทันทีหลังจากบรรลุข้อตกลงเป็นสิ่งที่ตุรกีกังวล
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของกองทัพยูเครน จรวดคาลิบร์ 2 ลูกของรัสเซียโจมตีสถานีสูบน้ำในท่าเรือดังกล่าว และกองกำลังทางอากาศยังยิงจรวดลงมาอีก 2 ลูก โดยยูริ อิกแนต โฆษกกองทัพอากาศยูเครนระบุว่า จรวดเหล่านั้นยิงจากเรือรบในทะเลดำใกล้ไครเมีย
สถานีทีวีของทางการยูเครนรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของกองทัพยูเครนว่า บริเวณที่ใช้จัดเก็บธัญพืชในท่าเรือรอดพ้นจากการโจมตี ส่วนทางด้าน แมคซิม มาร์เชนโก ผู้ว่าการเขตโอเดสซา เผยว่า โครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือได้รับความเสียหาย
โอเลคแซนดร์ คูบราคอฟ รัฐมนตรีโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า ยูเครนยังคงเตรียมการทางเทคนิคเพื่อเริ่มการส่งออกสินค้าเกษตรจากท่าเรือของประเทศ
ข้อตกลงเมื่อวันศุกร์จะเปิดโอกาสให้ยูเครนฟื้นการจัดส่งธัญพืชจากท่าเรือ 3 แห่งที่เปิดดำเนินการอีกครั้งในปริมาณเดือนละ 5 ล้านตันเท่ากับก่อนเกิดสงครามเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
การโจมตีเมืองโอเดสซาดูเหมือนละเมิดข้อตกลงเมื่อวันศุกร์ที่มีเป้าหมายในการเปิดทางการขนส่งสินค้าเข้าออกจากท่าเรือของยูเครนอย่างปลอดภัย
เซเลนสกีประกาศทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ได้มาซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศที่สามารถสอยขีปนาวุธแบบที่โจมตีเมืองโอเดสซาได้
การปิดกั้นท่าเรือของยูเครนโดยกองเรือทะเลดำของรัสเซียนับตั้งแต่มอสโกเปิดฉากบุกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ทำให้ธัญพืชนับล้านตันตกค้างและเรือมากมายไม่ได้ออกจากท่า ส่งผลให้สถานการณ์คอขวดห่วงโซ่อุปทานโลกเลวร้ายลง ซึ่งเมื่อประกอบกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก ยิ่งทำให้ราคาอาหารและพลังงานพุ่งพรวด
รัสเซียและยูเครนต่างเป็นซัปพลายเออร์ข้าวสาลีรายใหญ่ของโลก และวิกฤตอาหารโลกทำให้ประชากร 47 ล้านคน “อดอยากเฉียบพลัน” ทั้งนี้ จากข้อมูลของโครงการอาหารโลก
ถึงกระนั้น มอสโกก็ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อวิกฤตอาหาร และโทษมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกว่า ทำให้การส่งออกอาหารและปุ๋ยล่าช้า รวมทั้งการที่ยูเครนวางทุ่นระเบิดในเส้นทางที่นำไปสู่ท่าเรือของตัวเอง