xs
xsm
sm
md
lg

สถานการณ์การสู้รบในยูเครน (20 ก.ค.) : เคียฟกล้าไหมที่จะโจมตี ‘สะพานเคิร์ช’ ซึ่งเชื่อมไครเมียกับแผ่นดินใหญ่รัสเซีย?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อูเว พาร์พาร์ต ***


กล้าไหมล่ะ? รัสเซียลั่นปากว่าจะตอบโต้ “อย่างดุเดือดรุนแรง” แน่นอน ถ้ายูเครนโจมตีไครเมีย หรือสะพานเคิร์ช สะพานความยาว 19 กิโลเมตรที่ทอดข้ามช่องแคบเคิร์ช เชื่อมไครเมียกับแผ่นดินใหญ่รัสเซีย (ภาพจากวิกิมีเดีย คอมมอนส์)
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Ukraine – the situation (July 20, 2022)
By UWE PARPART
20/07/2022

ยูเครนมีกำลังพลไม่เพียงพอที่จะเปิดการโจมตีครั้งใหญ่เพื่อเล่นงานที่มั่นต่างๆ ของรัสเซียตลอดทั้งแนวรบ อย่างไรก็ตาม เคียฟสามารถที่จะพิจารณาใช้ระบบจรวดพิสัยทำการไกลยิ่งขึ้นซึ่งเพิ่งได้รับจากฝ่ายตะวันตก เข้าโจมตีใส่สะพานเคิร์ช ของแหลมไครเมีย

สรุปสาระสำคัญและภาพรวม
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน สั่งปลดหัวหน้าหน่วยงานสืบราชการลับ (SBU) อีวาน บาคานอฟ (Ivan Bakanov) และ อัยการสูงสุด (General Prosecutor) อีรีนา วีนีดิกโตวา (Iryna Venediktova) ออกจากตำแหน่ง บาคานอฟนั้นเป็นเพื่อนของเซเลนสกีตั้งแต่วัยเด็ก รวมทั้งเป็นผู้จัดการของเขาด้วยระหว่างที่เขายังมีอาชีพเป็นดาราตลก

ดูเหมือนว่า SBU ถูกหน่วยข่าวกรองรัสเซียแทรกซึมวางสายเอาไว้ยุบยับ พวกผู้อำนวยการของ SBU ในสำนักงานสาขาซึ่งตั้งอยู่ที่ ดนิโปรเปตรอฟสก์ (Dnipropetrovsk) โปลตาวา (Poltava) ซูมี (Sumy) ซาการ์ปัตเตีย (Zakarpattia) และซีโตมีร์ (Zhytomy) ก็ถูกถอดออกจากตำแหน่งหน้าที่ด้วยเช่นกัน

ในอีกด้านหนึ่ง ยูเครนเผชิญความยากลำบากในการนำเอาพวกอาวุธที่ได้จากฝ่ายตะวันตกเข้าไปยังแนวหน้า ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล ซึ่งอธิบายว่า เนื่องจากยูเครนได้รับระบบอาวุธอันซับซ้อนมาหลายหลากระบบที่ไม่ค่อยมีอะไรร่วมกันเท่าใดนัก

ทางด้านรัสเซียได้ออกมาตอบโต้คำแถลงของรองผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองทหารของยูเครน วาดีม สกิบิตสกี (Vadym Skibitsky) ซึ่งอ้างว่าแหลมไครเมียอาจตกเป็นเป้าหมายของระบบจรวดหลายลำกล้องติดตั้งบนรถบรรทุกเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว หรือ HIMARS ที่ได้รับจากสหรัฐฯ และระบบจรวดหลายลำกล้อง M270 MLRS ซึ่งได้รับจากสหราชอาณาจักร โดย มีฮาอิล เชเรเมต (Mikhail Sheremet) ที่เป็นตัวแทนไครเมียในรัฐสภารัสเซียบอกว่า การตอบโต้ของฝ่ายรัสเซียจะ “ดุเดือดรุนแรง” แน่นอน

ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซียร์เก ชอยกู ซึ่งออกไปตรวจเยี่ยมแนวรบในยูเครน ได้พบหารือกับ พล.ท.มูราดอฟ (Muradov) ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซียที่กำลังปฏิบัติการในบริเวณตอนเหนือของเมืองสโลเวียนสก์ (Slovyansk) แคว้นโดเนตสก์ และกำชับให้เขาถือเรื่องการทำลายพวกระบบอาวุธจรวดและปืนใหญ่ที่มีพิสัยทำการไกลๆ ของยูเครน เป็นภารกิจสำคัญลำดับต้นๆ

สำหรับการสู้รบภาคพื้นดิน การปฏิบัติการตลอดทั่วไปหมดยังคงเงียบเชียบ ถึงแม้หลังจากที่รัสเซียประกาศว่า ระยะเวลา “หยุดพักการปฏิบัติการ” ได้สิ้นสุดลงแล้วก็ตามที

ภาคกลางและภาคตะวันออก

ศึกชิงเมืองซีเวอร์สก์ (Siversk) เมืองเล็กๆ ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายยูเครนในส่วนตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่ส่วนที่นูนออกมาของดอนบาส (Donbass salient) ยังคงดำเนินต่อไป และอย่างที่ได้พบเห็นกันในการเข้ายึดเมืองลีซีชานสก์ (Lysychansk) กองกำลังรัสเซียกำลังใช้วิธีตัดขาดเส้นทางเข้าถึงเมืองซีเวอร์สก์ ด้วยการเคลื่อนทัพบุกเมืองนี้จากทั้งด้านตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือ การคืบหน้าของรัสเซียดำเนินไปอย่างช้าๆ

เวลาเดียวกันนั้น ความเคลื่อนไหว 2 ด้านของรัสเซีย --ในด้านใต้ ในทิศทางมุ่งสู่เมืองบัคมุต (Bakhmut) และในด้านตะวันตกเฉียงเหนือ รุกลงมาจากเมืองอีซุม (Izium) กำลังตัดผ่านพื้นที่ช่วงระหว่างเมืองบาร์วินโคฟ (Barvinkove) กับเมืองสโลเวียนสก์ ในทิศทางมุ่งสู่เมืองครามาตอร์สก์ (Kramatorsk) – นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ของการเข้าโอบล้อมพื้นที่ซึ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น และกำลังตัดขาดกองทหารยูเครนไม่ให้สามารถรับยุทธปัจจัยต่างๆ เพิ่มเติม


ตรงใกล้ๆ กับเมืองบัคมุต กองกำลังรัสเซียเพิ่งเคลื่อนเข้าไปในเมืองเล็กๆ ชื่อ โปรครอฟสเก (Prokrovske) ซึ่งอยู่ห่างออกมาจากเมืองบัคมุต ราว 8 กิโลเมตร อีกทั้งดูเหมือนตั้งท่าจะเข้าตีบัคมุต ซึ่งเป็นศูนย์คมนาคมขนส่งและศูนย์ซัปพลายแห่งสำคัญ

ไกลขึ้นไปทางเหนือ การสู้รบยังคงดำเนินต่อไปเพื่อชิงเมืองเดเมนตีอิฟกา (Dementiivka) –ซึ่งมีชื่อเสียงจากบทบาทของเมืองนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนที่เมืองคาร์คอฟ (Kharkov ที่เวลานี้เรียกกันว่า คาร์คิฟ Kharkiv) มีการเปลี่ยนมือถึง 4 ครั้ง 4 หนระหว่างกองกำลังเยอรมนีกับกองกำลังรัสเซีย

เดเมนตีอิฟกานั้นอยู่ห่างออกไปราว 15 กิโลเมตรทางตอนเหนือของเมืองคาร์คิฟ และตั้งคร่อมถนนสาย 1 ใน 2 สายซึ่งมุ่งหน้าจากเมืองคาร์คิฟเข้าไปยังชายแดนรัสเซีย การควบคุมเมืองนี้ได้จะเปิดทางให้ฝ่ายรัสเซียสามารถตัดเส้นทางคมนาคมสายหลักซึ่งใช้สนับสนุนกองกำลังยูเครนส่วนที่อยู่ใกล้ๆ ชายแดนรัสเซีย และจะทำให้รัสเซียสามารถให้ความสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ในกรณีที่พวกเขาต้องการเข้าตีเมืองคาร์คิฟต่อไปในอนาคต

ภาคใต้

การปฏิบัติการที่เพิ่มความเร็วมากขึ้นของฝ่ายรัสเซียในภาคใต้ และเรื่องที่เซเลนสกีออกคำสั่งให้ใช้กำลังพล 1 ล้านมาทำการรุกตอบโต้ เป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันมาก ทว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรซึ่งบ่งบอกว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาให้พบเห็นกันแล้ว

กองกำลังรัสเซียยังคงใช้การโจมตีด้วยจรวดและปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่องตามแนวเส้นปะทะ ขณะที่จรวดและปืนใหญ่ของฝ่ายยูเครนมีการยิงตอบโต้เอาคืนในจุดต่างๆ จำนวนหนึ่ง กองกำลังรัสเซียยังคงมีการปรับเปลี่ยนที่ตั้งอยู่เรื่อยๆ เพื่อยกระดับการป้องกันให้ดียิ่งขึ้น

การรายงานของฝ่ายรัสเซียบ่งชี้ให้เห็นว่า ยูเครนกำลังเคลื่อนกำลังเข้าไปยังบริเวณตอนใต้ของเมืองครีวี รีห์ (Kryvyi Rih) ในการเตรียมตัวเพื่อเปิดการรุก และอาจจะอยู่ในกระบวนการของการจัดทำสะพานลอยน้ำ (pontoon bridge) แห่งหนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำอินฮูเลตส์ (Inhulets River) ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง กองกำลังยูเครนจะต้องมีความเคลื่อนไหวตรงบริเวณนี้ในเร็วๆ นี้ ไม่เช่นนั้นแล้วการจัดทำสะพานลอยน้ำขึ้นมาก็จะเป็นสิ่งไร้ประโยชน์

การประเมินผล

รายงานข่าวกรองทางการทหารหลายๆ ฉบับชี้ไปสู่ข้อสรุปที่ว่า กำลังพลของฝ่ายยูเครนกำลังร่อยหรอลงไป จนถึงขนาดที่ว่าเรื่องที่จะเปิดการโจมตีครั้งใหญ่เพื่อเล่นงานที่มั่นต่างๆ ของรัสเซียตลอดทั้งแนวรบ ไล่ตั้งแต่เมืองมีโคลาอิฟ (Mikolaiv) ทางตะวันตกเฉียงใต้ ผ่านครีวี รีห์ ไปจนถึงซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia) นั้น เป็นแค่ความฝันเฟื่องเสียมากกว่า รวมทั้งยูเครนยังอาจจะต้องแบกรับความเสี่ยงที่ฝ่ายรัสเซียจะรุกใหญ่ทะลุจากดอนบาส มุ่งสู่แนวป้องกันแนวต่อไป นั่นคือแม่น้ำดเนปร์ (Dnepr) และเข้าสู่บริเวณภาคกลางของยูเครน

โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (US National Security Council) จอห์น เคอร์บี (John Kirby) ถูกอ้างอิงว่า ได้พูดยืนกรานว่า “ยูเครนย่อมมีสิทธิที่จะเดินหน้าทำการรุกตอบโต้เล่นงานกองกำลังรัสเซียภายในประเทศของพวกเขาเอง และสหรัฐฯจะจัดหาจัดส่งเครื่องมือต่างๆ และการฝึกอบรมต่างๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้”

อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งคำพูดส่งเสริมให้กำลังใจอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้ ก็น่าจะไม่สามารถชักจูงโน้มน้าวพวกผู้บังคับบัญชาทหารของยูเครนให้เห็นไปว่า การใช้ “สิทธิ” ตามที่สหรัฐฯ อนุญาตเอาไว้นี้จะเป็นไอเดียที่ดี

คำทำนายของเราสำหรับตอนนี้จึงมีว่า ฝ่ายรัสเซียจะยังคงดำเนินการบดบี้ชิงพื้นที่เพิ่มขึ้นทีละนิดๆ และบดบี้ลดทอนทรัพย์สินต่างๆ ของฝ่ายยูเครนลงไปทีละหน่อยๆ สงครามพร่ากำลัง (war of attrition) นั้น ฝ่ายซึ่งมีทรัพย์สินที่จะให้สึกหรอได้มากกว่า คือฝ่ายที่ได้เปรียบ

อย่างไรก็ดี อันตรายที่จะทำให้สงครามขยายตัวกว้างขวางออกไป อยู่ตรงความเป็นไปได้ที่ว่า การจัดส่งระบบอาวุธจรวดและปืนใหญ่ซึ่งมีพิสัยทำการไกลขึ้นกว่าเดิมจากนาโต้มายังยูเครน จะนำไปสู่การโจมตีใส่ไครเมีย “แบบอุบัติเหตุ” หรือ—อย่างที่มีพวกผู้บังคับบัญชาทหารฝ่ายยูเครนพูดข่มขู่เอาไว้— นั่นคือการโจมตีใส่สะพานเคิร์ช (Kerch Bridge) ที่มีความยาว 19 กิโลเมตร

สะพานแห่งนี้ ซึ่งอันที่จริงเป็นสะพาน 2 สะพานคู่ขนานกัน แห่งหนึ่งเป็นถนนสำหรับรถยนต์ และอีกแห่งหนึ่งวางรางไว้สำหรับรถไฟ สร้างทอดข้ามช่องแคบเคิร์ช (Kerch Strait) เพื่อเชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่รัสเซียกับแหลมเคิร์ช ของไครเมีย มันเป็นสะพานยาวเหยียดที่สุดที่รัสเซียเคยสร้างมา และปัจจุบันเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในยุโรป


กำลังโหลดความคิดเห็น