รานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรี 6 สมัย ได้รับเลือกจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของศรีลังกาเมื่อวันพุธ (20 ก.ค.) โดยมีพรรคการเมืองของโกตาภยา ราชปักษา อดีตผู้นำที่บินหนีออกนอกประเทศหลังถูกผู้ประท้วงจู่โจมเข้าสู่ทำเนียบที่พักเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้การสนับสนุน
ก่อนการโหวตของสภา วิกรมสิงเห แถลงออกตัวว่า ตอนที่เข้าร่วมรัฐบาลของราชปักษาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น เศรษฐกิจศรีลังกาพังครืนไปแล้ว แต่นับจากนั้นเขาดำเนินการจนกระทั่งสามารถลดเวลาการดับไฟฟ้าเนื่องจากขาดแคลนเชื้อเพลิงในการผลิต จากวันละ 5 ชั่วโมง เหลือ 3 ชั่วโมง รวมทั้งสามารถแจกจ่ายปุ๋ยให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแบนซึ่งบังคับใช้อยู่ก่อนหน้านั้น
สำหรับผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการของรัฐสภา ปรากฏว่า วิกรมสิงเหได้คะแนนจากสมาชิกสภา 134 เสียง ขณะที่คู่แข่งสำคัญคือ ดัลลัส อลาฮัปเปอรูมา ได้ 82 เสียง และตัวแทนจากพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย อนุรา ดิษนายาเก ได้แค่ 3 เสียง เท่ากับว่า วิกรมสิงเหได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง และชนะแบบขาดลอยไปตั้งแต่การโหวตรอบแรก ทั้งนี้ศรีลังกาเป็นประเทศที่รัฐสภามีเพียงสภาเดียว
หลังจากนั้น วิกรมสิงเห ที่เคยล้มเหลวในการสมัครลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมา 2 ครั้ง 2 ครา กล่าวสั้นๆ ว่า ขณะนี้ความแตกแยกจบลงแล้ว และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อนำประเทศพ้นจากวิกฤต พร้อมแสดงความหวังว่า จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งแบบเรียบง่ายภายในอาคารรัฐสภาที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดให้แล้วเสร็จภายในวันพุธเลย
อดีตนายกรัฐมนตรี 6 สมัย วัย 73 ปีผู้นี้ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีขณะที่ศรีลังกาอยู่ในฐานะล้มละลายและกำลังเจรจาเพื่อขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยที่ประชาชน 22 ล้านคนเผชิญปัญหาขาดแคลนอาหาร เชื้อเพลิง และยาขั้นรุนแรง
วิกรมสิงเห ซึ่งเป็นผู้นำของพรรคยูไนเต็ด เนชั่นแนล ปาร์ตี้ (UNP) ชนะและจะได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีไปจนหมดวาระของราชปักษา ในเดือนพฤศจิกายน 2024 คราวนี้ เนื่องจากได้รับความสนับสนุนจากพรรคศรีลังกา โปดูจานา เปรามูนา (เอสแอลพีพี) ของราชปักษา ซึ่งยังคงเป็นพรรคการเมืองที่มีเสียงมากที่สุดในสภา ทว่าเขาจะต้องรับมือกับพวกผู้ประท้วงซึ่งลุกฮือขึ้นมาอย่างยืดเยื้อเป็นเวลานานหลายเดือน เนื่องจากวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อน จนกระทั่งบุกเข้าไปยึดทำเนียบประธานาธิบดี และกดดันให้ ราชปักษา ต้องหลบหนีไปต่างประเทศและยื่นใบลาออกในที่สุด นอกจากนั้นฝูงชนยังบุกเข้าไปทำเนียบนายกรัฐมนตรี เผาบ้านพักส่วนตัวของ วิกรมสิงเห และเรียกร้องให้ วิกรมสิงเห ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน
วิกรมสิงเหนั้นประกาศปราบปรามขั้นเด็ดขาด หากประชาชนออกมาประท้วงบนท้องถนน และมีตำรวจและทหารติดอาวุธหนักรักษาการณ์อยู่หน้าอาคารรัฐสภา ขณะที่ รอยเตอร์รายงานว่า มีประชาชนแค่เรือนร้อยไปรวมตัวกันที่บันไดขึ้นอาคารสำนักเลขาธิการประธานาธิบดี
นอกจากนั้น ขณะยังเป็นผู้รักษาการตำแหน่งประธานาธิบดี ภายหลังราชปักษาหนีออกจากศรีลังกา วิกรมสิงเหยังสั่งขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งให้อำนาจตำรวจและกองกำลังความมั่นคงปราบปรามผู้ประท้วง อีกทั้งสั่งให้กองทัพขับไล่ผู้ประท้วงออกจากอาคารรัฐบาลต่างๆ ที่เข้ายึดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ดาร์มาลิงกัม สิธัตฐาน สมาชิกฝ่ายค้านในสภา กล่าวก่อนการลงมติเลือกประธานาธิบดีว่า จุดยืนแข็งกร้าวของวิกรมสิงเหต่อผู้ประท้วง ได้รับการสนับสนุนเป็นอันดีจากพวกสมาชิกสภาซึ่งรับเคราะห์จากความรุนแรงของม็อบ และยกย่องวิกรมสิงเหเป็น “ผู้สมัครที่ควบคุมและปราบปรามอาชญากรรมอย่างเข้มงวด”
ขณะที่คูซาล เปเรรา นักวิเคราะห์การเมืองบอกว่า ผู้นำใหม่คนนี้ยังได้รับการยอมรับจากชนชั้นกลางในเมือง จากการฟื้นอุปทาน เช่น แก๊ส และยังดำเนินการอย่างจริงจังในการเคลียร์ม็อบออกจากอาคารรัฐบาล
นอกจากนั้นยังคาดกันว่า วิกรมสิงเหจะแต่งตั้ง ดิเนช กูนาวาร์เดนา รัฐมนตรีกระทรวงบริหารรัฐกิจ วัย 73 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนและผู้จงรักภักดีต่อตระกูลราชปักษา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)