ลุงของ เท็ตสึยะ ยามากามิ (Tetsuya Yamagami) ชายผู้ก่อเหตุลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ให้ข้อมูลกับตำรวจว่าแม่ของมือยิงเคยบริจาคเงิน 100 ล้านเยน หรือประมาณ 26.4 ล้านบาท ให้แก่โบสถ์แห่งความสามัคคี (Unification Church) จนเป็นสาเหตุให้ครอบครัวต้องประสบภาวะล้มละลาย และ ยามากามิ ไม่มีเงินเรียนต่อมหาวิทยาลัย
ยามากามิ วัย 41 ปี อ้างว่าเขาตั้งใจมาสังหาร อาเบะ เพราะเชื่อว่าอดีตนายกฯ มีความเกี่ยวข้องกับโบสถ์แห่งนี้ ซึ่งเขาโทษว่าเป็นต้นเหตุทำให้แม่ของเขาต้องบริจาคเงินจนหมดเนื้อหมดตัว
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ชายวัย 77 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของพ่อ ยามากามิ ได้ออกมาเผยข้อมูลกับตำรวจว่า น้องสะใภ้เริ่มเข้าเป็นสมาชิกโบสถ์แห่งความสามัคคีในปี 1991 หลังจากที่สามีของเธอฆ่าตัวตายไปเมื่อปี 1984
เธอเป็นสมาชิกที่ทุ่มเทแบบสุดตัว และบริจาคเงินมากมายให้ “ลัทธิ” ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินและบ้านของครอบครัว และแม้กระทั่งกลายเป็นบุคคลล้มละลายในปี 2002 เธอก็ยังคงบริจาคเงินให้โบสถ์แห่งนี้ไม่หยุดหย่อน เพียงแต่ให้ในจำนวนที่น้อยลงเท่านั้น
“ผมเชื่อว่าเธอน่าจะเป็นสมาชิกคนสำคัญ และถูกโบสถ์ครอบงำจิตใจ” ลุงของมือปืนกล่าว พร้อมระบุว่า พฤติกรรมของน้องสะใภ้ทำให้ครอบครัวยากจนลงมาก จนถึงขั้นที่ ยามากามิ ไม่มีเงินเรียนต่อมหาวิทยาลัย
“เขาเป็นเด็กฉลาดหัวดีเหมือนพ่อของเขา เป็นคนขยันขันแข็ง และตัวผมเองมีแต่ความทรงจำที่ดีๆ เกี่ยวกับตัวเขา” ชายผู้เป็นลุงกล่าว
ลุงยังบอกด้วยว่า ยามากามิ เคยพยายาม “ฆ่าตัวตาย” เมื่อปี 2005 ระหว่างที่เป็นสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล เพราะอยากให้น้องชายและน้องสาวได้รับเงินประกันชีวิตจากการตายของเขา
ปัจจุบันแม่ของ ยามากามิ อาศัยอยู่ที่บ้านของลุงคนนี้ และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอยังติดต่อกับทางโบสถ์อยู่หรือไม่
สื่อญี่ปุ่นอ้างแหล่งข่าวสอบสวนซึ่งระบุว่า ยามากามิ วางแผนลอบสังหารมานานเกือบ 20 ปี ขณะที่แม่ของมือปืน “ขออภัย” ในสิ่งที่ลูกชายได้กระทำลงไป แต่ไม่ตำหนิหรือวิจารณ์ลัทธิที่ตัวเธอเองนับถือ
โบสถ์แห่งความสามัคคีออกมาแถลงเมื่อวันจันทร์ (11) ว่า อาเบะ ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับโบสถ์ พร้อมยืนยันว่าทางโบสถ์ได้คืนเงินให้แม่ของ ยามากามิ ไปแล้ว 50 ล้านเยน แต่อ้างว่า “ไม่ได้จดบันทึก” เงินบริจาคที่เธอเคยให้ไว้
โบสถ์เพื่อความสามัคคีก่อตั้งขึ้นในเกาหลีใต้เมื่อปี 1954 โดยสาธุคุณซัน เมียง มุน (Sun Myung Moon) ซึ่งเผยแพร่คำสอนที่นำพระคัมภีร์ไบเบิลมาตีความในรูปแบบแปลกๆ จึงถูกมองว่าเป็นเพียง “ลัทธิความเชื่อ” และไม่ได้รับการยอมรับจากชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์กระแสหลัก ขณะที่บรรดาสาวกของโบสถ์ก็ถูกให้ฉายาว่าพวก “มุนนีส์” (Moonies)
กิจกรรมที่ขึ้นชื่อเป็นพิเศษของลัทธินี้ก็คือ “พิธีสมรสหมู่” และยังเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลในกลุ่มพรรคการเมืองสายอนุรักษนิยมด้วย
ที่มา : Nextshark, Japan Times
