ลิซ ทรัสส์ สมาชิกรัฐสภาและรัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร เข้าร่วมศึกแย่งชิงเป็นผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ซึ่งจะก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน บอริส จอห์นสัน โดยเธอแสดงเจตจำนงและวางกรอบคร่าวๆ เกี่ยวกับแนวทางการหาเสียง ในบทความที่เผยแพร่ลงบนหนังสือพิมพ์เดอะ เทเลกราฟ เมื่อวันอาทิตย์ (10 ก.ค.) ที่ผ่านมา
"ฉันเสนอตัวเอง เพราะว่าฉันมีความสามารถเป็นผู้นำและทำการตัดสินใจที่ยากลำบากต่างๆ ฉันมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการ ฉันมีประสบการณ์และมีความแน่วแน่" ทรัสส์เขียน
หนึ่งในนโยบายหลักๆ ของเธอคือให้คำสัญญาว่าจะปรับลดภาษี "ภายใต้การเป็นผู้นำของฉัน ฉันจะเริ่มปรับลดภาษีตั้งแต่วันแรก ลงมือในทันทีเพื่อช่วยเหลือประชาชนรับมือกับค่าครองชีพ" เธอระบุ
ทรัสส์ เคยนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง ในนั้นรวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนี้ เธอยังทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของสหราชอาณาจักร ในการเจรจาข้อตกลงเบร็กซิตกับสหภาพยุโรป
ในบทความของเธอ ทรัสส์ อวดอ้างถึงความเชี่ยวชาญด้านนโยบายการต่างประเทศของเธอ นอกเหนือจากประสบการณ์ด้านภายในประเทศ "ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ ฉันช่วยนำแนวทางตอบสนองของนานาชาติต่อสงครามของปูตินในยูเครน และคลอดแพกเกจคว่ำบาตรหนักหน่วง ที่นำพาโลกกำหนดมาตรการคว่ำบาตรสร้างความเจ็บปวดอย่างแท้จริงแก่ปูติน และเครมลิน"
ทรัสส์ เป็นนักการเมืองรายล่าสุดที่แสดงเจตนาเข้าร่วมชิงชัยเก้าอี้ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ แทน จอห์นสัน มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนอื่นๆ นั้น รวมไปถึง นัดฮิม ซาฮาวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แกรนท์ แชปป์ส รัฐมนตรีคมนาคม ริชี ซูนัค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทอม ทูเกนด์แฮต สมาชิกรัฐสภาจากพรรคคอนเซอร์เวทีฟ
นอกจากนี้ ยังมี ซูเอลลา เบรเวอร์แมน อัยการสูงสุด เคมี่ บาเดนอช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรีและความเท่าเทียม เจเรมี ฮันท์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ซาจิด จาวิด อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข และเพนนี มอร์ดอนต์ รัฐมนตรีการค้า
ตามที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานก่อนหน้านี้ บรรดาผู้สมัครทั้งหลายที่ลงชิงเก้าอี้ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ จะต้องผ่านการลงคะแนนโหวตจากบรรดาสมาชิกรัฐสภาของทางพรรคในแต่ละรอบ จนกระทั่งเหลือ 2 คนสุดท้าย จากนั้นจะเป็นการโหวตเลือกของบรรดาสมาชิกพรรคคอนเซอร์เวทีฟทั่วประเทศ ผู้ชนะจะได้เป็นผู้นำพรรคคนใหม่ และก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร
ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ทรัสส์ เคยกล่าวเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน เรียกร้องจัดตั้งนาโต้โลก โดยอ้างว่าระเบียบโลกที่สร้างขึ้นมาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเย็นไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ดังนั้นตะวันตกจึงต้องการ "นาโต้โลก" เพื่อเสาะหาภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
"วิสัยทัศน์ของฉันคือโลกใบหนึ่งๆ ที่ประเทศเสรีทั้งหลายมีความแน่วแน่และมีอำนาจ โลกที่เสรีภาพและประชาธิปไตยถูกเสริมความเข้มแข็งผ่านเครือข่ายความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและความมั่นคง" ทรัสส์กล่าวในลอนดอน
ทรัสส์ ให้คำจำกัดความความตกลงนี้ว่า "เครือข่ายแห่งเสรีภาพ" พร้อมอ้างว่ามันมีความจำเป็นเพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทั้งหลายที่จัดตั้งขึ้นหลังปี 1945 เช่น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "จนถึงตอนนี้คดงอบิดเบี้ยวไปแล้ว พวกเขาสามารถทำอะไรได้มากกว่าควบคุมความก้าวร้าว" เธอกล่าว
เธอระบุว่ามันเป็นความผิดพลาด หากเลือกระหว่างความมั่นคงยูโร-แอตเลติกกับอินโด-แปซิฟิก "ในโลกสมัยใหม่ เราต้องการทั้ง 2 เราต้องการนาโต้โลก" เธอกล่าว "และเราจำเป็นต้องรับประกันว่าบรรดาประชาธิปไตยทั้งหลาย อย่างเช่นไต้หวัน จะสามารถป้องกันตนเองได้"
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น/อาร์ทีนิวส์)