รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอพี/MGRออนไลน์ - รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน แสดงความชื่นชมไทยในบทบาทที่ช่วยผลักดันสถานะสหรัฐฯ ในภูมิภาคภายใต้แผนส่งเสริมเศรษฐกิจที่ไทยให้การสนับสนุนในยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อคานอำนาจจีน ลงนามร่วมกัน 2 ฉบับ พร้อมยืนยันดึงเม็ดเงินลงทุน 2.7 พันล้านดอลลาร์จากบริษัทพลังงานสีเขียวสหรัฐฯ เข้าไทย พบตัวแทนผู้นำเยาวชนจากพม่า ประกาศสหรัฐฯ กำลังหาหนทางในการนำประชาธิปไตยกลับคืนให้ ฮือฮาไทยและสหรัฐฯ ส่งสัญญาณสนับสนุนสร้างสรรค์สังคมเพื่อชาวเพศทางเลือก LGBTQ+ เพื่อความเท่าเทียม
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (10 ก.ค.) ว่า ในการมาเยือนกรุงเทพฯ ครั้งนี้ของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ต้องการใช้ไทยเพื่อสนับสนุนฐานสหรัฐฯ ให้แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อต่อต้านการเพิ่มอิทธพลของจีนภายในภูมิภาค เกิดขึ้นคล้อยหลังรัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ เดินทางเข้าไทยก่อนหน้า
หนังสือพิมพ์ไทยภาคภาษอังกฤษรายงานวันอาทิตย์ (10) ว่ากระทรวงต่างประเทศกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ผลการมาเยือนของหวังทำให้ไทยและจีนกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการสร้างเส้นทางความสัมพันธ์ทางการค้าเชื่อมจากไทยผ่านลาวเข้าไปยังจีนที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการคือ
"โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก" หรือ ECC (Eastern Economic Corridor) ที่จะช่วยเหลือให้ส่งออกสินค้าของตัวเองไปทางบกยุโรปผ่านจีนภายใต้โครงการงระเบียงการค้าระหว่างประเทศทางบกและทางทะเล (International Land-Sea Trade Corridor) เพื่อส่งเสริมทางการค้าและโลจิสติกส์เชื่อมจากฉงชิง ไปยังสิงคโปร์
รอยเตอร์ชี้ว่า จีนฉวยโอกาสในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ ในสมัยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ให้ความสนใจในภูมิภาคมากนัก ส่งผลทำให้จีนมีโอกาสเข้ามาแผ่อิทธิพลในภูมิภาคผลักดันผ่านการลงทุนและการเชื่อมโยงทางการค้า
เอพีรายงานว่า ทั้งสหรัฐฯ และฝ่ายไทยที่มีคู่เจรจาคือรัฐมนตรีต่างประเทศ ดอน ปรมัตถ์วินัย ได้ลงนามความร่วมมือจำนวน 2 ฉบับที่แสดงความต้องการขยายความร่วมมือทางยุทธศาสตร์และพัฒนาซัปพลายเชนให้ดีขึ้น
อ้างอิงจากเอเอฟพี บลิงเคนแสดงความชื่นชมไทยในการลงนามให้การสนับสนุนแผนการทางเศรษฐกิจสำหรับภูมิภาคเอเชียของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่จะเชื่อมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับบริษัทต่างๆ ที่จะให้การสนับสนุนพลังงานสีเขียว พร้อมชี้ว่าบริษัทเหล่านี้ได้รับปากการลงทุน 2.7 พันล้านดอลลาร์ในไทย
รอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “พวกเราได้วางรากฐานสำหรับอีก 190 ปีข้างหน้า” ซึ่งทั้งไทยและสหรัฐฯ เตรียมที่จะเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบ 190 ปีในปีหน้านี้
กระทรวงต่างประเทศยังชี้แจงต่อว่าประเด็นในการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีประยุทธ์และบลิงเคน จะอยู่ในหัวข้อวิกฤตในพม่า และการขยายความร่วมมือเป็นหลัก
เอพีชี้ว่า บลิงเคนไม่ได้เอ่ยถึง “จีน” โดยตรงในการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่ทว่าหลังมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันแล้วเขาชี้ว่า
“ทั้งสหรัฐฯ และไทยต่างมีเป้าหมายร่วมกันสำหรับความเสรี การเปิดกว้าง ความมั่งคั่งเชื่อมโยงร่วม ความยืดหยุน และความมั่นคงของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก”
เอเอฟพีรายงานว่า ในการลงนามร่วมกัน บลิงเคน แสดงความชื่นชมไทยในความร่วมมือที่รวมไปถึงความพยายามด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลก
โดยไทยนั้นถือเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกกรอบทำงานทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Forum) ของประธานาธิบดีไบเดน ก่อนหน้าแล้วที่ถูกก่อตั้งเมื่อต้นปี 2022 มีเป้าหมายเพื่อคานอำนาจอิทธิพลจีนผ่านโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative)
บลิงเคนกล่าวผ่านแถลงการณ์มีใจความว่า....ในไทย “พวกเรามีพันธมิตรและพาร์ตเนอร์ในเอเชียแปซิฟิกที่สำคัญสำหรับพวกเราในภูมิภาคที่กำลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และมันได้ทำให้เกิดขึ้นในทุกวัน”
เอเอฟพีชี้ว่า ถึงแม้ว่าไทยจะขึ้นชื่อว่าเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ของสหรัฐฯ มากที่สุดในภูมิภาคย้อนหลังไปถึงยุคสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ในสมัยอดีตประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอร์น แต่ทว่าไทยในช่วงหลังเริ่มหันมาใกล้ชิดจีนและมีความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้นถูกจัดว่าเป็นคู่แข่งระหว่างกัน โดยฝ่ายสหรัฐฯ มองจีนเป็นระบบการปกครองแบบอำนาจนิยมและเป็นรัฐที่มีความก้าวหน้าทางการทหารและเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บลิงเคนก่อนที่จะบินมากรุงเทพฯ เขาเปิดเผยว่าทั้งตัวเขาและรัฐมนตรีต่างประเทศจีนหวัง ได้หารือร่วมกันนาน 5 ชั่วโมงที่บาหลีในวันเสาร์ (9) บลิงเคนเปิดเผยว่า การหารือเป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ พร้อมกับยืนยันว่า 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกต้องการหลีกเลี่ยงการปะทะที่เกินกว่าจะควบคุมได้
เอเอฟพีรายงานว่า ในการมาเยือนไทยครั้งนี้ บลิงเคนยังได้พบกับตัวแทนเยาวชนพม่าที่มีฐานอยู่ในไทย โดยบลิงเคนชี้ว่า สหรัฐฯ กำลังหาหนทางในการนำประชาธิปไตยกลับคืนสู่พม่าที่เกิดการรัฐประหารในวันที่ 1 ก.พ.ปี 2021
ล่าสุด ที่กรุงเทพฯ วันอาทิตย์ (10) บลิงเคนออกแถลงการณ์เรียกร้องประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลุ่ม ASEAN ช่วยให้รัฐบาลรัฐประหารพม่าต้องออกมารับผิดชอบและจีนจำเป็นต้องแชร์ผลประโยชน์ในการทำให้ระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่พม่า นอกจากนี้ บลิงเคนยังกล่าวเลยไปถึงปัญหาในศรีลังกาที่กำลังลุกเป็นไฟในเวลานี้ว่า ผลจากการที่รัสเซียปิดกั้นการส่งออกธัญพืชของยูเครนอาจเป็นปัจจัยทำให้เกิดผลกระทบเกิดการขาดแคลนอาหารภายในศรีลังกา เอเอฟพีรายงาน
และการเยือนไทยยังเป็นการส่งสัญญาณว่าฝ่ายสหรัฐฯ ยังคงต้องการดำรงความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับปกติกับไทยต่อไป และจะหารือกับผู้นำไทยซึ่งก่อรัฐประหารยึดอำนาจในปี 2014 แต่หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถกลับมาในฐานะผู้นำได้อีกครั้งจากการเลือกตั้งในปี 2019 เอเอฟพีชี้ว่า ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเป็นการกลับคืนมาทีละน้อยของการมีการเมืองที่เปิดกว้างมากขึ้น
นอกจากนี้ บลิงเคนยังกล่าวไปถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในเรื่องการยอมรับความแตกต่างของเพศทางเลือก LGBTQ+ โดยยืนยันว่าทั้งวอชิงตันและสหรัฐฯ ตกลงร่วมกันในการสนับสนุนสังคมที่เปิดกว้าง และรวมทุกฝ่ายเพื่อชาวเพศทางเลือก LGBTQ+