แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงกรุงเทพฯ แล้วเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ (9 ก.ค.) และมีแผนพบปะหารือในไทยในวันอาทิตย์ (10 ก.ค.) ส่วนหนึ่งในความพยายามครั้งใหม่ของอเมริกา ในการประสานความร่วมมือกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิภาคสำคัญที่ต้องแข่งขันกับจีน ในขณะเดียวกัน เขาจะพยายามหาแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับแนวทางการฟื้นตัวประชาธิปไตยในพม่า
บลิงเคน กำลังเดินทางเยือนไทย พันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย หลายวันหลังจาก หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เดินทางมาเยือน ทั้งนี้ หวัง อี้ ทัวร์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครอบคลุมกว่า และเขาใช้โอกาสดังกล่าวเน้นย้ำการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานอันมหาศาลของปักกิ่ง
สหรัฐฯ ให้คำจำกัดความจีน ซึ่งปกครองด้วยระบบเผด็จการและกำลังเฟื่องฟูในด้านเทคโนโลยีและทรัพยากรทหาร ในฐานะคู่แข่งที่เด่นชัดทั่วโลก แต่เมื่อเร็วๆ นี้ทั้งสองประเทศหาทางลดอุณหภูมิความตึงเครียดระหว่างกัน ด้วย หวัง และ บลิงเคน พบปะพูดคุยกันนานอย่างไม่ปกตินานกว่า 5 ชั่วโมง บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันเสาร์ (9 ก.ค.)
ก่อนบินมายังกรุงเทพฯ ในช่วงค่ำวันเสาร์ (9 ก.ค.) บลิงเคน บอกว่าเขาพูดคุยอย่างสร้างสรรค์กับหวัง และยืนยัน 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกต้องการปกป้องไม่ให้การแข่งขันระหว่างพวกเขาลุกลามบานปลายจนควบคุมไม่อยู่
บลิงเคนกล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังส่งเสริม "มาตรฐานสูงสุด" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ "ไม่ผูกมัดประเทศต่างๆ ด้วยหนี้สิน" คำพูดวิพากษ์วิจารณ์โครงการปล่อยกู้ข้ามชาติอันน่าดึงดูดใจของปักกิ่ง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เคยเชิญพวกผู้นำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เดินทางเยือนกรุงวอชิงตันในเดือนพฤษภาคม เพื่อแสดงถึงพันธสัญญาของอเมริกาต่อภูมิภาคแห่งนี้ แม้ว่าในตอนนั้นรัฐบาลกำลังพุ่งเป้าไปที่การตอบโต้ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์มองว่าสหรัฐฯ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับภูมิภาคแห่งนี้ โดยในขณะที่วอชิงตันทุ่มเงินกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่ในด้านอาวุธ สนับสนุนยูเครน แต่ จีน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ได้ให้สัญญามอบเงินช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และกระตุ้นการพื้นตัวทางเศรษฐกิจ
รัฐบาลไบเดน ตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว ด้วยการแถลงมอบเงินช่วยเหลือก้อนใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และบอกว่ากำลังให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในความร่วมมือในขอบเขตต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ในด้านสาธารณสุข วัคซีนโควิด-19 และการศึกษา ขอบเขตที่ทาง บลิงเคน จะเน้นย้ำอีกครั้งระหว่างพบปะพูดคุยกับบรรดาผู้นำระดับสูงในกรุงเทพฯ ในนั้นรวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย
นอกจากนี้ บลิงเคน จะพบปะกับบรรดาตัวแทนกลุ่มเยาวชนจากพม่าในประเทศไทย หลังจากเหตุรัฐประหารในพม่า โค่นอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ได้ปิดประตูกระบวนการอันยาวนานหลายทศวรรษและประคับประคองโดยสหรัฐฯ ในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในประเทศแห่งนี้
รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตอบโต้เหตุยึดอำนาจดังกล่าว ด้วยการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานคณะรัฐประหาร แต่มันไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักในการกดดันกองทัพทรงอิทธิพลที่มีประวัติไม่ไว้วางใจอิทธิพลภายนอก
เมื่อราวๆ 1 ปีก่อน ประชาคมอาเซียนนำเสนอแผนหนึ่ง ซึ่งจะผลักดันให้คณะรัฐประหารพูดคุยเจรจากับฝ่ายต่อต้าน แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ในจุดยืนร่วมกับสหรัฐฯ แบบที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก หวัง เดินทางเยือนพม่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และสนับสนุนให้คณะรัฐประหารพูดคุยเจรจากับฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน
ดเนียล คริเทนบริงค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ ประจำเอเชียตะวันออก กล่าวว่า "บลิงเคนจะหาทางเพิ่มแรงกดดันใส่รัฐบาล ตัดแหล่งทุนของพวกเขา และดำเนินการบีบบังคับใหพม่าคืนสู่เส้นทางประชาธิปไตย"
คริเทนบริงค์ เรียกไทยว่า "คู่หูที่สำคัญ" ในด้านประชาธิปไตยในพม่า แต่ขณะเดียวกันการเดินทางเยือนกรุงเทพฯ ครั้งนี้ ยังเป็นการสานต่อความสัมพันธ์อันปกติกับไทย ประเทศที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยก่อรัฐประหารยึดอำนาจในปี 2014
รายงานของเอเอฟพีระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ในศึกเลือกตั้งปี 2019 และในไทยเปิดกว้างต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ นำพาประเทศแห่งนี้กลับสู่การยอมรับของสหรัฐฯ อีกครั้ง
บลิงเคนเคยมีกำหนดเดินทางเยือนกรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว แต่มีอันต้องเลื่อนออกมา หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในบรรดาคณะผู้แทนของเขา
(ที่มา : เอเอฟพี)