ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งบริหารวานนี้ (8 ก.ค.) เพื่อปกป้องสิทธิของผู้หญิงอเมริกันในการเข้าถึงบริการยุติการตั้งครรภ์ หลังศาลสูงสุดสหรัฐฯ มีคำพิพากษาคว่ำสิทธิการทำแท้งเมื่อเดือนที่แล้ว
ไบเดน ซึ่งเป็นผู้นำสายเดโมแครตเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากคนในพรรคให้ต้องดำเนินการตอบโต้ หลังศาลสูงสุดมีคำวินิจฉัยคว่ำคำตัดสินในคดี Roe v Wade เมื่อปี 1973 ซึ่งเคยให้สิทธิตามรัฐธรรมนูญต่อสตรีในการทำเเท้งมานานเกือบ 50 ปี
คำสั่งบริหารของ ไบเดน กำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ขยายการเข้าถึงบริการทำแท้งที่ถูกกฎหมาย และรับรองสิทธิของสตรีอเมริกันในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน การวางแผนครอบครัว และการคุมกำเนิด นอกจากนี้ ยังกำหนดมาตรการปกป้องแพทย์ ผู้หญิงที่ต้องเดินทางข้ามรัฐเพื่อไปทำแท้งถูกกฎหมาย รวมถึงคลินิกทำแท้งเคลื่อนที่ตามพรมแดนของรัฐต่างๆ
คำสั่งของผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่แน่ว่าส่งผลมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากรัฐต่างๆ ยังมีสิทธิที่จะออกกฎหมายห้ามการทำแท้งและจำกัดการเข้าถึงบริการทางการแพทย์สำหรับการทำแท้ง
“สิ่งที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ไม่ใช่คำวินิจฉัยที่อิงกับรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการใช้อำนาจทางการเมือง” ไบเดน ให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบขาว
“เราไม่อาจยอมให้ศาลสูงสุดซึ่งทำอะไรเหนือการควบคุม ร่วมมือกับกลุ่มสุดโต่งในพรรครีพับลิกัน ขโมยเสรีภาพและสิทธิในการปกครองตัวเองของพวกเราไป”
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวยังไม่เคยออกมาประกาศโต้งๆ ว่าสนับสนุนไอเดียปฏิรูปศาลสูงสุด หรือเพิ่มองค์คณะผู้พิพากษาให้เกินกว่าจำนวน 9 คน
ผลสำรวจพบว่า การปกป้องสิทธิทำแท้งคือประเด็นที่ผู้หญิงซึ่งเป็นฐานเสียงเดโมแครตให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ และกว่า 70% ของชาวอเมริกันเชื่อว่า เรื่องนี้ควรยกให้เป็นสิทธิของผู้หญิงและแพทย์ของเธอในการตัดสินใจ
คำพิพากษาของศาลสูงสุดทำให้รัฐต่างๆ ในอเมริกามีอำนาจที่จะออกกฎหมายของตัวเองเพื่อแบนการทำแท้งได้ และผลที่ตามมาก็คือ ผู้หญิงซึ่งตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมจำเป็นต้องดั้นด้นเดินทางไปยังรัฐที่ยังคงอนุญาตให้ทำแท้งอย่างถูกกฎหมาย ซื้อยาขับเลือดทางออนไลน์มารับประทานเอง หรือไม่ก็พึ่งคลินิกทำแท้งเถื่อนซึ่งเสี่ยงอันตรายอย่างมาก
ที่มา : รอยเตอร์