xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus : ‘ปูติน’ ประกาศชัยชนะเหนือ ‘ลูฮันสก์’ พร้อมสั่งบุกทะลวง ‘โดเนตสก์’ ต่อ ยูเครนลั่น ‘สู้ไม่ถอย’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งยูเครน
รัสเซียประกาศชัยชนะเหนือแคว้นลูฮันสก์ของยูเครน หลังจากที่สามารถยึดเมืองลีซีชานสก์ (Lysychansk) ป้อมปราการแห่งสุดท้ายได้สำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ (3 ก.ค.) พร้อมกับเดินหน้าบุกต่อไปยังแคว้นโดเนตสก์เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการยึดภูมิภาคดอนบาสให้ได้ทั้งหมด

ปฏิบัติการช่วงชิงดอนบาส ดินแดนอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกของยูเครน นับเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นกับยุโรปในรอบหลายสิบปี โดยรัสเซียประกาศกร้าวว่าต้องการยึดทั้งภูมิภาคนี้ไปจากการควบคุมของยูเครนในนามของกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่มอสโกที่ประกาศตั้งตนเป็น 2 รัฐอิสระ ซึ่งได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์

มอสโกอ้างว่าการผลักดันกองทัพยูเครนออกไปให้พ้นจากโดเนตสก์และลูฮันสก์ถือเป็นเป้าหมายหลักของ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน อ้างว่าทำไปเพื่อความมั่นคงของรัสเซียเอง ขณะที่โลกตะวันตกประณามเหตุสู้รบนองเลือดที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 5 ว่าเป็นการจงใจ “รุกราน” โดยปราศจากการถูกยั่วยุ

ปูติน กล่าวชื่นชมเหล่าทหารในวันจันทร์ (4) ที่สามารถ “ปลดปล่อย” แคว้นลูฮันสก์ได้ พร้อมให้สัญญาว่าจะมอบเหรียญสดุดีความกล้าหาญ รวมถึงเปิดโอกาสให้กำลังพลเหล่านี้ได้ “พักผ่อน” บ้าง ขณะที่นักบินอวกาศรัสเซีย 3 คนก็มีสารแสดงความยินดีส่งตรงมาจากห้วงอวกาศด้วย

ลีซีชานสก์ซึ่งเคยมีประชากรอาศัยอยู่ราว 100,000 คน และเป็นป้อมปราการสุดท้ายของยูเครนในแคว้นลูฮันสก์ ถูกรัสเซียยิงถล่มอย่างหนักจนอยู่ในสภาพพังย่อยยับ และยังมีพลเรือนจำนวนมากที่หลบซ่อนตัวอยู่ตามหลุมหลบภัยและห้องใต้ดินหลังจากที่ทหารรัสเซียบุกเข้ายึดเมือง

เจ้าหน้าที่ยูเครนระบุว่า เวลานี้รัสเซียได้ทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดไปสู่แคว้นโดเนตสก์ โดยเฉพาะที่เมืองสโลเวียนสก์ (Sloviansk) ซึ่งนายกเทศมนตรี วาดิม ลียัค ระบุว่า ถูกกองทัพหมีขาวระดมยิงถล่มมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว และสถานการณ์ก็กำลัง “ตึงเครียด” อย่างมาก

เมื่อวันอังคาร (5) กองกำลังรัสเซียได้โจมตีตลาดแห่งหนึ่งและพื้นที่ชุมชนในสโลเวียนสก์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน และบาดเจ็บอีก 7 คน

กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกมาตอบโต้ว่าไม่ได้มีการล็อกเป้าโจมตีพลเรือนอย่างที่ถูกกล่าวหา และยังอ้างในวันพุธ (6) ว่าได้ใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูงทำลายทำลายกองบัญชาการต่างๆ และปืนใหญ่ในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งรวมถึงระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ที่สหรัฐฯ มอบให้แก่เคียฟด้วย ทว่าฝ่ายยูเครนออกมาปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง

ขณะเดียวกัน รัฐสภารัสเซียได้ผ่านร่างกฎหมาย 2 ฉบับในวาระแรก ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐบาลบังคับบริษัทต่างๆ จัดหาเสบียงป้อนแก่กองทัพ และให้พนักงานทำงานล่วงเวลาเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการรุกราน นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่ารัสเซียเตรียมพร้อมเต็มที่สำหรับการทำสงครามที่ยืดเยื้อ

แม้การยึดครองแคว้นลูฮันสก์จะถือเป็น “รางวัลใหญ่” สำหรับรัสเซีย แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่ ปูติน เคยวาดหวังเอาไว้ในช่วงแรกๆ และไม่ได้ช่วยเพิ่มความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ให้แก่กองทัพมอสโกสักเท่าใดนัก

กองกำลังฝ่ายสนับสนุนรัสเซียขับรถหุ้มเกราะไปบนท้องถนนในเมืองลีซีชานสก์ แคว้นลูฮันสก์ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.
ร็อบ ลี นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยนโยบายต่างประเทศ (Foreign Policy Research Institute) ในสหรัฐฯ ชี้ว่า แรกเริ่มเดิมทีนั้น ปูติน ไม่ได้ต้องการเพียงแค่ยึดลูฮันสก์และโดเนตสก์ แต่คาดหวังไปถึงการเปลี่ยนตัวผู้นำยูเครนเพื่อดึงอดีตรัฐโซเวียตแห่งนี้กลับมาสู่วงโคจรของมอสโกอีกครั้ง อีกทั้งยังต้องการทำให้ยูเครนกลายเป็นรัฐปลอดทหารด้วย

“ผมคิดว่ามันก็เป็นชัยชนะในทางยุทธวิธีของรัสเซีย แต่ต้องแลกมาด้วยราคาแสนแพง หากมองที่บริบทของการปรับเปลี่ยนเป้าหมายทางทหาร” นีล เมลวิน นักวิเคราะห์จากสถาบัน RUSI ในกรุงลอนดอนให้ความเห็น

“สิ่งนี้ (การยึดแคว้นลูฮันสก์) คือเป้าหมายที่ถูกปรับลดลงมาแล้ว กระนั้นรัสเซียก็ยังต้องทุ่มเทอาวุธและกำลังพลอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้มันมา และยังใช้เวลาเกือบ 60 วันกว่าจะสำเร็จได้”

เมลวิน ชี้ว่ารัสเซียได้ปรับกลยุทธ์ในการรบ โดยหันมาใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงถล่มฐานที่มั่นของกองกำลังยูเครน ก่อนจะส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไป ซึ่งยุทธวิธีเช่นนี้ทำให้รุกคืบไปได้ค่อนข้างช้า

“นี่ไม่ใช่วิธีที่จะสร้างความได้เปรียบ พวกเขาช่วงชิงดินแดนได้น้อยมากในแต่ละวัน ซึ่งในบริบทของสงครามยุคใหม่ต้องถือว่าเป็นการรุกคืบที่ช้ามาก ในขณะเดียวกัน รัสเซียก็ต้องงัดเอาอาวุธที่ทันสมัยออกมาใช้และสูญเสียกำลังพลไปเรื่อยๆ เท่ากับว่าต้องจ่ายราคาแพงเหมือนกัน”

รัสเซียซึ่งยึดคาบสมุทรไครเมียไปจากยูเครนเมื่อปี 2014 ยังสามารถควบคุมพื้นที่กว้างขวางทางตอนใต้ของยูเครน รวมถึงเคอร์ซอน (Kherson) ซึ่งเป็นเมืองท่าติดทะเลดำ และถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ยูเครนหวังที่จะทวงคืนกลับมาให้ได้

“การสู้รบที่ดอนบาสอาจไม่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับยูเครนอีกแล้ว แต่จะเป็นการรบที่กำลังจะเกิดขึ้นทางภาคใต้มากกว่า” เมลวิน ให้ความเห็น

การสูญเสียลีซีชานสก์ และแคว้นลูฮันสก์ทั้งหมดให้รัสเซียทำให้ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ยิ่งออกมากดดันให้ชาติตะวันตกจัดส่งอาวุธที่ทันสมัยที่สุดให้เคียฟ เพื่อจะได้สามารถต้านทานหรือแม้กระทั่งทวงคืนดินแดนที่สูญเสียไปกลับคืนมาได้บ้าง

เขายืนยันเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (3) ว่าจะยังคง “สู้ต่อไป” และย้ำว่ายูเครนจะต้องเสาะหาอาวุธที่ทันสมัยที่สุด เพื่อให้มีศักยภาพในการรบเทียบชั้นกับ “กองกำลังผู้ยึดครอง” จากรัสเซียให้ได้

เซเลนสกี และบรรดารัฐมนตรียูเครนยังออกมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือผ่านเวทีประชุมนานาชาติเพื่อฟื้นฟูบูรณะยูเครน (Ukraine Recovery Conference) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองลูกาโน ทางตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 4-5 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย เซเลนสกี กล่าวย้ำว่า “การฟื้นฟูยูเครนไม่ใช่หน้าที่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นภารกิจร่วมของโลกประชาธิปไตยทั้งมวล” ขณะที่นายกรัฐมนตรี เดนิส ชไมฮาล ก็ออกมาให้ตัวเลขกลมๆ ว่าค่าใช้จ่ายในการบูรณะฟื้นฟูยูเครนจะอยู่ที่ราวๆ 750,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 27 ล้านล้านบาท

รัฐบาลยูเครนยังเสนอให้ชาติตะวันตกเข้ามา “แบ่งหน้าที่” รับผิดชอบในแต่ละภูมิภาคของยูเครนเพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น อังกฤษที่เสนอตัวช่วยฟื้นฟูกรุงเคียฟและเมืองโดยรอบ ขณะที่แหล่งข่าวการทูตเผยว่าฝรั่งเศสจะรับดูแลงานฟื้นฟูภูมิภาคเชอร์นิฮีฟ (Chernihiv) ที่ถูกรัสเซียถล่มอย่างหนัก

อาคารซึ่งถูกโจมตีจนพังถล่มยับเยินระหว่างการสู้รบที่เมืองลีซีชานสก์ (Lysychansk) ในแคว้นลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครน
กำลังโหลดความคิดเห็น