ชายผู้ก่อเหตุลอบยิงอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ให้การต่อตำรวจญี่ปุ่นว่า “ไม่พอใจอดีตนายกฯ” และตั้งใจมาเพื่อ “สังหาร” เขา ขณะที่นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ชี้เป็นการกระทำอันโหดเหี้ยมที่ให้อภัยไม่ได้
นายกฯ ญี่ปุ่นเผยว่าตอนนี้อาการของ อาเบะ ยังอยู่ในขั้น “โคม่า” และตนหวังว่าเขาจะรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารครั้งนี้
“เรากำลังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ท่านฟื้นขึ้นมา และผมขอภาวนาจากเบื้องลึกของหัวใจให้ท่านปลอดภัยด้วย” คิชิดะ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมระบุว่ายังไม่ทราบแรงจูงใจของมือปืน
เท็ตสึยะ ยามางามิ (Tetsuya Yamagami) มือปืนวัย 41 ปี ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น ใช้อาวุธปืนลูกซองที่ประดิษฐ์เองยิงเข้าใส่ อาเบะ จากทางด้านหลัง ขณะที่อดีตผู้นำรายนี้กำลังยืนปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งอยู่ด้านนอกสถานีรถไฟในเมืองนาระ (Nara) เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.
สถานีโทรทัศน์ NHK อ้างแหล่งข่าวตำรวจซึ่งระบุว่า คนร้ายรับสารภาพว่าไม่พอใจอดีตนายกฯ อยู่แล้วเป็นทุนเดิม และต้องการที่จะฆ่าเขาให้ตาย
หญิงสาวผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ NHK ว่า “เขา (อาเบะ) กำลังยืนปราศรัยอยู่ แล้วจากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปทางด้านหลัง”
“เสียงปืนนัดแรกไม่ดังเท่าไหร่ และท่านก็ยังยืนอยู่ได้ แต่นัดที่สองเสียงดังกว่ามาก มองเห็นประกายไฟกับกลุ่มควันเลย จากนั้นพวกเจ้าหน้าที่ก็รีบวิ่งเข้าไปห้อมล้อมตัวท่าน และช่วยกันปั๊มหัวใจ”
จากภาพในสื่อจะเห็นว่า อาเบะ ถูกกระสุนเข้าที่หน้าอกซ้ายและบริเวณคอ โดยรายงานเบื้องต้นบอกว่าอดีตนายกฯ ยัง “รู้ตัวและตอบสนองได้” ในช่วงแรกๆ ก่อนที่จะหมดสติ และ “หัวใจหยุดเต้น”
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานท้องถิ่นของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ยืนยันว่า ทางพรรคไม่ได้รับคำขู่ใดๆ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น และกำหนดการปราศรัยของ อาเบะ ก็ถูกแถลงให้ประชาชนทราบล่วงหน้า
เหตุลอบสังหารอดีตผู้นำญี่ปุ่นเรียกเสียงประณามและกำลังใจล้นหลามจากบรรดาผู้นำทั่วโลก โดย แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์สื่อระหว่างการประชุมรัฐมนตรี G20 ที่เกาะบาหลีว่า สหรัฐฯ “เสียใจและรู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง” ต่ออาการของอาเบะ ขณะที่นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ยอมรับว่า “ตกใจมาก” เมื่อทราบข่าว เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยซึ่งระบุว่า “ช็อกมาก” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อาเบะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่น โดยรั้งเก้าอี้นายกฯ อยู่ 2 สมัยคือในปี 2006 และระหว่างช่วงปี 2012-2020 ก่อนจะตัดสินใจสละตำแหน่งเนื่องจากป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
อดีตนายกฯ รายนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากนโยบายเศรษฐกิจ “อาเบะโนมิกส์” ซึ่งเน้นทั้งมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการใช้จ่ายงบประมาณ ขณะเดียวกันก็เป็นนักการเมืองอนุรักษนิยมสายเหยี่ยวที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับหลังสงคราม เพื่อเปิดทางยกระดับศักยภาพและขยายบทบาทของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น
แม้จะพ้นตำแหน่งนายกฯ ไปแล้ว แต่ อาเบะ ยังคงเป็นนักการเมืองที่มีอิทธิพลอย่างสูงภายในพรรค LDP และแวดวงการเมืองญี่ปุ่น
