อดีตประธานาธิบดี ดมิตริ เมดเวเดฟ ของรัสเซีย เตือนความพยายามของตะวันตกในการลงโทษมหาอำนาจนิวเคลียร์อย่างมอสโกเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ เช่นเดียวกับการพยายามใช้ศาล หรือศาลอนุญาโตตุลาการสอบสวนการกระทำของรัสเซียในยูเครน ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) ทางการกรุงเคียฟเผยแพร่ภาพธงชาติยูเครนบน “เกาะงู” ในทะเลดำ แต่ฝ่ายทหารมอสโกข่มทับว่า ได้ส่งเครื่องบินไปโจมตีด้วยขีปนาวุธความแม่นยำสูงเรียบร้อยแล้ว
การรุกรานยูเครนตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์นำไปสู่วิกฤตความสัมพันธ์ที่เลวร้ายที่สุดระหว่างรัสเซียกับตะวันตกนับจากวิกฤตขีปนาวุธคิวบาปี 1962 ซึ่งเคยทำให้ผู้คนจำนวนมากกลัวว่า โลกกำลังจะเผชิญสงครามนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา ตราหน้าวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เป็นอาชญากรสงคราม ขณะเดียวกัน วอชิงตันยังเป็นแกนนำตะวันตกติดอาวุธให้ยูเครน รวมทั้งออกมาตรการแซงก์ชันครั้งใหญ่ต่อมอสโก
เมดเวเดฟที่ปัจจุบันรั้งตำแหน่งรองประธานของสภาความมั่นคง อันทรงอิทธิพลของรัสเซีย ระบุทางแพลตฟอร์มสื่อสังคม “เทเลแกรม” เมื่อวันพุธ (6) ว่า แนวคิดในการลงโทษประเทศที่เป็นหนึ่งในมหาอำนาจนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ และอาจเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกันระบุว่า รัสเซียและอเมริกาครอบครองหัวรบนิวเคลียร์รวมกันราว 90% ของทั่วโลก โดยแต่ละฝ่ายมีหัวรบในคลังอาวุธราว 4,000 ลูก
เมดเวเดฟยังบรรยายให้เห็นว่า อเมริกาเป็นจักรวรรดิที่ทำให้เลือดนองทั่วโลก โดยเขาพาดพิงถึงการสังหารชนพื้นเมืองอเมริกัน การใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีญี่ปุ่น และการส่งกำลังเข้าร่วมสงครามในเวียดนามและอัฟกานิสถาน
อดีตประธานาธิบดีรัสเซียสำทับว่า การพยายามใช้ศาลหรือศาลอนุญาโตตุลาการสอบสวนการกระทำของรัสเซียในยูเครนไร้ประโยชน์และเสี่ยงสร้างหายนะต่อโลก ทั้งนี้ ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกต่างกำลังกล่าวหากองกำลังรัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม
ในวันอาทิตย์ (3) ปูตินประกาศชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดหลังจากกองกำลังยูเครนถอนทัพออกจากแคว้นลูฮันสก์ จากนั้นกองทัพรัสเซียก็โฟกัสการโจมตีไปที่แคว้นโดเนตสก์ ที่อยู่ติดกัน และ 2 แคว้นนี้รวมกันเป็นภูมิภาคดอนบาส ซึ่งเป็นศูนย์อุตสาหกรรมสำคัญในภาคตะวันออกของยูเครน
พาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการของแคว้นโดเนตสก์ที่เมื่อเร็วๆ นี้ระบุว่า ถูกรัสเซียระดมโจมตีด้วยปืนใหญ่ เปิดเผยผ่านบนเทเลแกรมเมื่อวันพฤหัสฯ (7) ว่า พลเรือน 7 คนเสียชีวิตจากการโจมตีของรัสเซียในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน เสนาธิการกองทัพบกยูเครนบอกว่า รัสเซียส่งทหารไปเพิ่มในลูฮันสก์เพื่อกระชับอำนาจการควบคุมในแคว้นดังกล่าว ถึงแม้เจ้าหน้าที่ยูเครนอ้างว่า ยังมีการต่อสู้ในบริเวณพรมแดนด้านเหนือระหว่างลูฮันสก์กับโดเนตสก์ ขณะที่รัสเซียพยายามเปิดเส้นทางบุกใหม่
อย่างไรก็ดี สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองที่อยู่ในสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า รัสเซียดูเหมือนยังไม่สามารถยึดพื้นที่ได้เพิ่มหลังตีเมืองลีซีชานสก์แตกเมื่อวันอาทิตย์
เวลาเดียวกัน เมื่อวันพฤหัสฯ ทางการยูเครนได้เผยภาพทหารเรือ 3 นายชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาบนเกาะงูในทะเลดำในวันเดียวกัน โดยระบุว่าถือเป็นสัญลักษณ์การแข็งขืนต่อมอสโก และแอนดริว เยอร์แมค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศว่า การดำเนินการในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นทั่วยูเครนในอนาคต
อย่างไรก็ดี รัสเซียตอบโต้ด้วยการเปิดเผยว่า เครื่องบินรบลำหนึ่งเข้าโจมตีเกาะงูด้วยขีปนาวุธที่มีความแม่นยำสูง
“เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ทหารยูเครนหลายนายได้ขึ้นบกที่เกาะแห่งนี้จากเรือยนต์ลำหนึ่ง และถ่ายภาพกับธงดังกล่าว เครื่องบินของกองทัพอากาศรัสเซียลำหนึ่งได้เปิดการโจมตีเกาะงูอย่างฉับพลันทันทีด้วยขีปนาวุธความแม่นยำสูงหลายลูก ยังผลให้ส่วนหนึ่งของบุคลากรทางทหารของฝ่ายยูเครนถูกทำลาย” โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย อีกอร์ โคนาเชนคอฟ แถลง
เกาะแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองท่าโอเดสซา ทางภาคใต้ของยูเครนราว 140 กิโลเมตร มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการปกป้องเส้นทางเดินเรือในทะเลดำ โดยรัสเซียเพิ่งถอนกำลังออกไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ด้วยเหตุผลข้ออ้างว่า เป็นการแสดงไมตรีจิต และแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการลำเลียงขนส่งธัญพืชของยูเครนเพื่อการส่งออก ซึ่งกำลังถูกฝ่ายตะวันตกประโคมโจมตีว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารทั่วโลก ขณะที่มอสโกโบ้ยไปที่เคียฟว่าอุปสรรคสำคัญอยู่ที่ยูเครนไม่ยอมเก็บกวาดทุ่นระเบิดที่วางไว้ทั่วในทะเลดำ
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, อาร์ที)