กองกำลังรัสเซียในยูเครนจะมุ่งโฟกัสไปที่การยึดแคว้นโดเนตสก์ทั้งหมด หลังจากบีบบังคับให้กองทหารยูเครนต้องถอยออกจากเมืองใหญ่แห่งสุดท้ายภายใต้การควบคุมของฝ่ายเคียฟในแคว้นลูฮันสก์ซึ่งอยู่ติดกันได้สำเร็จแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์กล่าวในวันจันทร์ (4 ก.ค.) ขณะที่พวกผู้นำประเทศและองค์การระหว่างประเทศนับสิบนัดประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์ในวันเดียวกัน เพื่อร่างโรดแมปแผนการใหญ่สำหรับฟื้นฟูยูเครนภายหลังสงคราม
หลังจากยกเลิกความพยายามในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของสงครามที่เน้นหนักการโจมตีเมืองหลวงเคียฟ ช่วงเดือนหลังๆ มานี้ รัสเซียหันมาลุยหนักในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญทางภาคตะวันออกของยูเครน โดยประกอบด้วยแคว้นลูฮันสก์ และโดเนตสก์ ที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรมอสโกได้ทำสงครามกับรัฐบาลเคียฟมาตั้งแต่ปี 2014
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียประกาศว่า เข้าควบคุมแคว้นลูฮันสก์ทั้งหมดแล้วหลังจากกองทัพยูเครนถอนออกไปจากเมืองลีซีชานสก์ เมืองใหญ่แห่งสุดท้ายในลูฮันสก์ของฝ่ายนั้น ภายหลังถูกถล่มอย่างหนักและต่อเนื่อง ทั้งนี้ ฝ่ายทหารของยูเครนได้แถลงยอมรับเรื่องนี้แล้วเช่นเดียวกัน
กระนั้น เซียร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ของเคียฟ ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์เมื่อวันจันทร์โดยระบุว่า แม้ในแง่การทหาร การถอนตัวจากที่มั่นเป็นเรื่องเลวร้าย แต่การสูญเสียลีซีชานสก์ไม่ใช่เรื่องสำคัญถึงขั้นเป็นตาย เพราะยูเครนต้องการที่จะชนะสงคราม ไม่ใช่แค่ชนะการสู้รบในลีซีชานสก์
เขาอ้างว่า การถอนออกจากลีซีชานสก์ เป็นไปตามแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ พร้อมกับบอกด้วยว่า เป้าหมายอันดับ 1 ของรัสเซียต่อจากนี้ไปคงเป็นแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งพวกเขายังไม่สามารถยึดพื้นที่ไปได้ทั้งหมด โดยเมืองที่จะถูกโจมตีหนักหน่วงเป็นพิเศษคือเมืองสโลเวียนสก์ และเมืองบัคห์มุต
ขณะที่ วาดิม ลียัคห์ นายกเทศมนตรีสโลเวียนสก์ ที่อยู่ทางตะวันตกของลีซีแชนสก์ โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า ถูกระดมโจมตีด้วยปืนใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน รวมถึงเด็กหญิงอายุ 10 ปี
ด้านมอสโกประกาศว่า การตีเมืองลีซีชานสก์แตกหลังจากเข้ายึดเมืองแฝดคือ ซีวีโรโดเนตสก์ ได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ เป็นการ “ปลดปล่อย” แคว้นลูฮันสก์ทั้งหมดซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญในสงครามครั้งนี้
มอสโกย้ำว่า จะมอบดินแดนที่ยึดได้เหล่านี้ให้แก่สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่งรัสเซียประกาศรับรองว่าเป็นรัฐเอกราช ไม่นานก่อนจะยกทัพบุกยูเครน
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน คุยเมื่อวันอาทิตย์ (3) ว่า จะทวงดินแดนที่เสียไปคืนโดยใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกส่งให้ เช่น ระบบจรวดหลายลำกล้องไฮเทค HIMARS ของอเมริกา ถึงแม้มีผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารตั้งปุจฉาว่า อาวุธหนักเหล่านี้ซึ่งฝ่ายตะวันตกเริ่มส่งให้ยูเครนนั้นยังมีจำนวนน้อย และน่าสงสัยว่าจะเพียงพอแก่ “การเปลี่ยนเกม” หรือไม่
สำหรับประเทศตะวันตกรายล่าสุดที่ประกาศให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธแค่เคียฟคือออสเตรเลีย โดยนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีส ประกาศให้การสนับสนุนทางทหารเมื่อวันอาทิตย์ระหว่างหารือกับเซเลนสกีในกรุงเคียฟ โดยอาวุธเหล่านี้มีทั้งยานยนต์หุ้มเกราะและโดรน
วันเดียวกันนั้น มอสโกกล่าวหาเคียฟยิงจรวดลูกปรายใส่เมืองเบลโกร็อดของรัสเซียใกล้พรมแดนยูเครน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์เบลารุสเผยว่า สามารถสกัดขีปนาวุธของยูเครนได้ และประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก กล่าวหาเคียฟยั่วยุ รวมถึงยิงขีปนาวุธโจมตีเบลารุสแต่ถูกสกัดได้ “เมื่อประมาณ 3 วันที่แล้ว”
รัสเซียยังเผยว่า ระบบต่อต้านอากาศยานของตนสอยจรวดลูกปราย ที่ยูเครนพยายามโจมตีเบลโกร็อดร่วง 3 ลูก ขณะที่วิยาเชสลาฟ แกลดคอฟ ผู้ว่าการเบลโกร็อดเผยว่า อาคารที่พักอาศัย 11 แห่ง และบ้าน 39 หลังได้รับความเสียหาย
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้นำจากหลายสิบประเทศและองค์กรระหว่างประเทศมีนัดหมายประชุมกันในเมืองลูกาโน ของสวิตเซอร์แลนด์ในวันจันทร์ เพื่อกำหนดโรดแมปในการฟื้นฟูยูเครนซึ่งคาดว่าต้องใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์ และมีเป้าหมายเริ่มดำเนินการแม้ขณะที่สงครามยังดำเนินอยู่ แผนการนี้ถูกเรียกว่าเป็น “แผนการมาร์แชล” สำหรับยูเครน ซึ่งเป็นชื่อของแผนการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจอย่างมโหฬารที่สหรัฐฯ ให้แก่ยุโรป ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
เวลาเดียวกัน คาดว่ายูเครนจะถูกเรียกร้องให้ดำเนินการปฏิรูปอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามคอร์รัปชัน หลังจากบรัสเซลส์เพิ่งมอบสถานะผู้สมัครเพื่อเร่งรัดให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อไม่นานมานี้
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอเชียไทมส์)