รัฐบาลเยอรมนีอยู่ระหว่างหารือกับชาติพันธมิตรเพื่อเตรียมแผน “รับรองความมั่นคง” ให้แก่ยูเครน ภายหลังจากที่สงครามกับรัสเซียจบลง แต่จะไม่เทียบเท่าการป้องกันร่วมที่มอบให้แก่รัฐสมาชิกในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ แห่งเยอรมนีให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ ARD เมื่อวันอาทิตย์ (3 ก.ค.) โดยระบุว่า “เรากำลังหารือกับชาติพันธมิตรที่ใกล้ชิดเกี่ยวกับมาตรการรับรองความมั่นคงต่างๆ ที่จะสามารถให้ (ยูเครน) ได้ ซึ่งยังอยู่ในช่วงดำเนินการ แต่แน่นอนว่าจะไม่เทียบเท่ารัฐสมาชิกนาโต”
ชอลซ์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำเยอรมนีต่อจาก อังเกลา แมร์เคิล เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว เผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในและนอกประเทศว่าไม่โชว์ความเป็นผู้นำในการช่วยเหลือยูเครนมากเท่าที่ควร อีกทั้งยังไม่ค่อยแสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจพลเมืองที่กำลังเดือดร้อนกับวิกฤตเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี ชอลซ์ อธิบายว่าเขา “ไม่อยากจะเป็นเหมือนนักการเมืองบางคนที่ให้คำมั่นสัญญาใหม่ๆ ทุกสัปดาห์ แต่ทำได้จริงไม่ถึง 90%”
ชอลซ์ ยังให้สัมภาษณ์รายการ Face The Nation ซึ่งออกอากาศทางช่อง CBS News เมื่อวานนี้ (3) ว่า เยอรมนีเป็นหนึ่งชาติที่มอบความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครนมากที่สุด และสาเหตุที่อาวุธของเยอรมนีไปถึงมือชาวยูเครนล่าช้าเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ก็เนื่องจากความจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนยุทธวิธีให้แก่ทหารยูเครนในเยอรมนีเสียก่อน
“เรามั่นใจว่าเยอรมนีจะเป็นหนึ่งในชาติที่ทำเพื่อยูเครนมากที่สุด เพราะสิ่งที่เรากำลังส่งไปคือเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนที่สุดที่พวกคุณจะสามารถนำไปใช้ได้” ชอลซ์ ให้สัมภาษณ์นอกรอบระหว่างการประชุมซัมมิตนาโตที่กรุงมาดริดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ผู้นำเยอรมนียังชี้ว่าไม่ควรเปรียบเทียบกรอบเวลาในการจัดส่งอาวุธระหว่างสหรัฐฯ ซึ่งดำเนินการได้ทันทีหลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน เซ็นคำสั่งไม่ถึง 48 ชั่วโมง กับเยอรมนีซึ่งล่าช้านานหลายสัปดาห์ หรือบางครั้งก็เป็นเดือนๆ
“คุณต้องเข้าใจว่า เราไม่เหมือนกับสหรัฐฯ ที่ใช้เงินทองมากมายไปกับกิจการด้านกลาโหม ซึ่งการลงทุนอย่างมหาศาลเหล่านี้ทำให้พวกคุณมีอาวุธสำรองอยู่ในคลังเป็นจำนวนมาก” ชอลซ์ กล่าว
นายกฯ เยอรมันระบุด้วยว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน อาจตัดสินใจล่วงหน้ามา “เป็นปี” ก่อนที่จะบุกยูเครน และคงเตรียมลู่ทางเอาไว้หมดแล้วสำหรับการทำสงครามที่ยืดเยื้อ
“เขาตั้งใจทำสงครามที่โหดร้ายป่าเถื่อนนี้ และเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี” ชอลซ์ กล่าว
ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี