เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและเป็นการออกเดินทางออกนอกจีนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรก ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง หลังวิกฤตโควิด-19 ผู้นำจีนยืนยันในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้ว่าการเกาะคนใหม่ที่เลือกมาเองกับมือว่า ฮ่องกงยังคงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน 1 ระบบ 2 ประเทศและระบบจะยังถูกใช้ไปในระยะยาว ด้านไต้หวันออกโรงจวกตลอดเวลา 25 ปีเสรีภาพฮ่องกงหายไป ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ยืนยันจีนต้องทำตามฏิญญาร่วมจีน-อังกฤษปี 1984 (Sino-British Joint Declaration) ทุกข้อ
หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ส สื่อฮ่องกง รายงานวันนี้ (1 ก.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงฮ่องกงส่งกำลังจำนวนมากออกปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยสำหรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้ว่าการเกาะฮ่องกง จอห์น ลี (John Lee) และเฉลิมฉลองการครบรอบ 25 ปีหลังอังกฤษส่งมอบเกาะให้เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ปี 1997 อ้างอิงจากรอยเตอร์
ลีเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าความมั่นคงฮ่องกงดูแลการกวาดล้างฝ่ายกลุ่มเรียกร้องเสรีภาพประชาธิปไตยฮ่องกงเพื่อบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงใหม่ฮ่องกงที่ปักกิ่งออก และถูกสหรัฐฯ สั่งคว่ำบาตรในเวลาต่อมา
โดยหลังเดินทางมาถึงฮ่องกงในบ่ายวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ได้แสดงความเห็นว่า ฮ่องกงมีชัยเหนือความท้าทายและผงาดขึ้นมาจากเถ้าถ่าน
ในแถลงการณ์สำคัญของสี ที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงฮ่องกงเขากล่าวว่า นโยบายภายใต้เป้าหมายเพื่อต้องการยึดถืออธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ของจีน และดำรงความมั่งคั่งและเสถียรภาพทั้งในฮ่องกงและมาเก๊า
“ทุกสิ่งที่รัฐบาลกลางทำเพื่อประโยชน์ชาติของเรา ของฮ่องกงและของมาเก๊า และของประชาชนที่รักชาติของพวกเราในฮ่องกงและมาเก๊า”
และเสริมต่อว่า “ไม่มีเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนระบบที่ดีเช่นนี้และมันจำเป็นต้องถูกยึดถือไปในระยะยาว”
สเตรทไทม์สของสิงคโปร์รายงานว่า ก่อนหน้านั้นเข้ารับการสาบานตนจาก ทั้งลี และเจ้าหน้าที่รัฐบาลฮ่องกงที่จะดำรงตำแหน่งสมัยการทำงาน 6 ปี
หลังการเข้าสาบานตนแล้ว ลีซึ่งเป็นผู้ว่าการสายเหยี่ยวกล่าวถึงอนาคตฮ่องกงว่า หลักการความเป็นนิติรัฐถือเป็นคุณค่าพื้นฐานสำหรับฮ่องกงและกฎหมายความมั่นคงใหม่ที่ถูกนำมาบังคับใช้ในปี 2020 นั้นนำเสถียรภาพกลับคืนมาหลังจากฮ่องกงต้องพบกับการประท้วงต่อต้านรัฐบาลจนเกิดเป็นจลาจลตลอดทั้งปี 2019
ประธานาธิบดีสี ยืนยันว่า ฮ่องกงผ่านอุปสรรคมานานานัปการและความท้าทายและทำให้ตัวเองแข็งแกร่งอย่างเป็นขั้นเป็นตอนที่มั่นคงนับตั้งแต่ฮ่องกงกลับสู่อ้อมอกจีน และเสริมต่อว่า ฮ่องกงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทั้งประเทศและดำเนินการสอดคล้องไปกับยุทธศาสตร์การพัฒนาชาติจีน
สีกล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งจะยังคงให้การสนับสนุนฮ่องกงให้ยังคงมีความเป็นฮับทางธุรกิจที่เปิดกว้างและเสรีต่อไป
รอยเตอร์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ออกมาแสดงความเห็นในโอกาสฮ่องกงฉลองครบรอบ 25 ปีการส่งมอบเกาะในการวิพากษ์วิจารณ์ว่า จีนล้มเหลวในการปฏิบัติตามพันธสัญญา 1 ประเทศ 2 ระบบของข้อตกลงการสิ้นสุดความเป็นอาณานิคมฮ่องกงภายใต้การดูแลอังกฤษเมื่อปี 1997
ที่ผ่านมาก่อนหน้าลอนดอนได้วิจารณ์อย่างหนักในความเปลี่ยนแปลงในฮ่องกงที่มาจากการล้วงลูกของสี รวมไปถึงกฎหมายความมั่นคงฮ่องกงใหม่ที่ถูกบังคับใช้ในปี 2020 และการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งฮ่องกงโดยชี้ไปว่า เป็นเสมือนการกัดกร่อนทางเสรีภาพและการปกครองตนเองของฮ่องกง
จอห์นสันกล่าวว่า “ในโอกาสวาระครบรอบ 25 ปีของการส่งมอบ พวกเราไม่อาจเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงที่ว่ามาเป็นเวลาช่วงหนึ่งแล้วที่ปักกิ่งล้มเหลวในการปฏิบัติตามหน้าที่ (พันธสัญญา)”
และเสริมต่อว่า “มันกลายเป็นกิจการของรัฐที่คุกคามทั้งสิทธิและเสรีภาพของชาวฮ่องกงและรวมถึงความก้าวหน้าที่ยังคงมีต่อเนื่องและความมั่งคั่งในบ้านของพวกเขา”
นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า “พวกเราไม่ได้ละทิ้งฮ่องกงเมื่อ 25 ปีก่อน พวกเราได้ให้สัญญาต่อทั้งดินแดนและประชาชนเหล่านั้นและเราตั้งใจที่จะยังคงรักษามันไว้” และเสริมต่อว่า “อังกฤษจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อทำให้จีนรักษาพันธสัญญาของตัวเอง เพื่อที่ให้ฮ่องกงกลับมาปกครองอีกครั้งโดยประชาชนฮ่องกงเพื่อประชาชนฮ่องกง”
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีไต้หวัน ซู เจินชาง (Su Tseng-chang) ออกมาแสดงความเห็นในโอกาสครบรอบ 25 ปีของการส่งมอบเกาะฮ่องกงไม่ต่างอังกฤษที่ว่า จีนล้มเหลวในการปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้กับอังกฤษตามข้อตกลงตามฏิญญาร่วมจีน-อังกฤษปี 1984 (Sino-British Joint Declaration) ที่ให้หลักประกันการปกครองตัวเองและเสรีภาพแก่ประชาชนฮ่องกง โดยผู้นำไต้หวันชี้ว่า เสรีภาพฮ่องกงหดหายไป
รอยเตอร์รายงานว่า ซูกล่าวว่า คำมั่นสัญญาที่ชีวิตจะดำเนินไปตามปกติสำหรับฮ่องกงไม่ได้ถูกรักษาไว้ และเขากล่าวต่อว่า ทำให้ไต้หวันต้องยึดไว้อย่างหนักแน่นต่ออธิปไตย เสรีภาพ และประชาธิปไตยของตัวเอง กล่าวอีกว่าในสิ่งที่จีนเรียกว่า 1 ประเทศ 2 ระบบนั้นไม่ผ่านการทดสอบ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปักกิ่งเดินหน้ากวาดล้างฝ่ายตรงข้าม ไต้หวันในสายตาของชาวฮ่องกงกลายเป็นที่หลบภัยของชาวฮ่องกงไปนอกเหนือจากอังกฤษ