เฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) โดยให้สัญญาที่จะเดินหน้าแสวงหาความสามัคคีภายในชาติและอนาคตที่ดีขึ้นกว่านี้ แต่พร้อมกันนั้นก็แถลงยกย่องระบอบเผด็จการของบิดาของเขา ซึ่งถูกโค่นล้มเมื่อ 36 ปีก่อนด้วยการลุกฮือของ “พลังประชาชน” ที่หนุนหลังโดยฝ่ายทหาร
มาร์กอส จูเนียร์หรือที่นิยมเรียกขานกันในชื่อเล่นของเขาว่า “บองบอง” วัย 64 ปี ชนะการเลือกตั้งชนิดถล่มทลายเมื่อเดือนที่แล้ว ถือเป็นการกลับมาของตระกูล “มาร์กอส” อย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากพ่อของเขา คือ เฟอร์ดินันด์ มาร์กอส ถูกโค่นอำนาจในปี 1986
บองบองสืบทอดตำแหน่งต่อจากโรดริโก ดูเตอร์เต ที่ยังคงได้รับความนิยมในประเทศอย่างสูง แม้มีชื่อเสียงเลวร้ายในสายตาประชาคมโลกจากสงครามปราบปรามยาเสพติดที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก โดยที่หลังพ้นตำแหน่งแล้ว เขาก็ยังขู่ฆ่าผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติด
ระหว่างการปราศรัยหลังทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติในกรุงมะนิลาต่อหน้านักการทูต บุคคลสำคัญ และผู้สนับสนุนนับร้อย รวมถึงอิเมลดา มารดาวัย 92 ปี ที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวว่า ต้องการที่จะซ่อมแซมฟิลิปปินส์ซึ่งอยู่ในสภาพแบ่งแยก ทำให้มันรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและกลับเข้มแข็งขึ้นอีก ซึ่งเป็นการสะท้อนคำขวัญช่วงหาเสียงของเขาที่เรียกร้องความสามัคคี
แต่เขาก็พูดยกย่องระบอบมาร์กอสที่ถูกประณามว่า เป็นยุคมืดด้านสิทธิมนุษยชนและการทุจริตฉ้อฉลอย่างมโหฬารยิ่งที่ทำให้ฟิลิปปินส์ยากจนข้นแค้น โดยอวดอ้างว่า พ่อของเขาสร้างถนนและเพิ่มผลผลิตข้าวมากกว่าผู้นำฟิลิปปินส์คนก่อนๆ
พิธีสาบานตนนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่วันก่อนศาลสูงสุดของฟิลิปปินส์ปฏิเสธความพยายามครั้งสุดท้ายในการตัดสิทธิ์มาร์กอส จูเนียร์ไม่ให้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ขณะที่ บองบอง ใช้การปราศรัยในพิธีนี้ ประกาศจัดการภาวะเงินเฟ้อ ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มผลผลิตอาหารเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ เขายังแต่งตั้งตัวเองเป็นรัฐมนตรีเกษตรเพื่อผลักดันการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมที่เต็มไปด้วยปัญหา
ผู้นำใหม่แดนตากาล็อกยังประกาศปกป้องสิทธิ์ของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ที่ปักกิ่งอ้างสิทธิ์เกือบทั้งหมด และให้สัญญานำประเทศก้าวไกลภายใต้การจับตาของตนเอง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักว่า จะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดอย่างไรหรือมีสไตล์การบริหารอย่างไร หลังจากที่ผ่านมาเขาหลบเลี่ยงไม่ค่อยยอมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งมีท่าทีสุภาพและเอางานเอาการกว่าดูเตอร์เต ขึ้นสู่อำนาจโดยถูกฝ่ายค้านโจมตีหนักว่า ใช้แคมเปญบิดเบือนให้ข้อมูลเท็จอย่างมโหฬารบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างภาพบวกเกี่ยวกับครอบครัวมาร์กอส และละเลยความโหดร้ายและการปล้นเงินประเทศนับหมื่นๆ ล้านดอลลาร์ระหว่างที่ มาร์กอส ซีเนียร์ ปกครองฟิลิปปินส์นาน 2 ทศวรรษ
ความสำเร็จของมาร์กอส จูเนียร์ยังมาจากการจับมือเป็นพันธมิตรกับซารา ลูกสาวดูเตอร์เต ที่ชนะเลือกตั้งได้ตำแหน่งรองประธานาธิบดีด้วยคะแนนเลือกตั้งมากกว่าบองบองเองด้วยซ้ำ ตลอดจนถึงการได้รับความสนับสนุนจากตระกูลที่เคยเป็นศัตรูกับพวกมาร์กอสมาก่อน
หลายคนคาดว่า มาร์กอส จูเนียร์จะโหดน้อยกว่าและคาดเดาได้มากกว่าดูเตอร์เต แต่นักเคลื่อนไหวกลัวว่า เขาอาจใช้ชัยชนะการเลือกตั้งแบบท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ของเขาคราวนี้ เพื่อดึงรั้งอำนาจไว้ในมือ
บายัน พันธมิตรปีกซ้ายเตือนว่า การที่มาร์กอส จูเนียร์ปฏิเสธที่จะยอมรับการลุแก่อำนาจและการกระทำผิดของระบอบมาร์กอสในอดีต ซ้ำยกย่องผู้นำเผด็จการว่าเป็นยุคทองของประเทศบ่งชี้ว่า เขามีแนวโน้มสืบทอดมรดกมืดระหว่างดำรงตำแหน่ง
“บองบอง” ที่ก่อนหน้านี้พยายามปลีกตัวจากระบอบของผู้เป็นพ่อแต่ไม่เคยวิจารณ์แง่ลบ ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า จะยึดมั่นกับความสมบูรณ์แบบ
เขาแต่งตั้งรัฐมนตรีส่วนใหญ่ของเขาแล้ว แต่คาดกันว่าที่ปรึกษาที่มีอิทธิพลมากที่สุดระหว่างการดำรงตำแหน่งวาระ 6 ปีของเขา จะเป็น หลุยส์ ภรรยาของเขาซึ่งผู้คนมากมายเชื่อว่า เป็นผู้บริหารจัดการตัวจริงของแคมเปญหาเสียงคราวนี้
มาร์กอส จูเนียร์ยังต่างจากดูเตอร์เตที่หันหลังให้อเมริกาและโผเข้าหาจีน โดยประธานาธิบดีคนใหม่ระบุว่า จะสานต่อความสัมพันธ์ที่สมดุลขึ้นกับมหาอำนาจทั้งสองประเทศ
เดือนที่ผ่านมา เขาเผยว่า จะใช้นโยบายต่างประเทศที่ “เป็นมิตรกับทุกประเทศและไม่สร้างศัตรู” กระนั้น เขายืนกรานว่า จะยึดมั่นคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่ปฏิเสธการอ้างสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้อันอุดมสมบูรณ์เกือบทั้งหมด
ขณะเดียวกัน แม้สนับสนุนสงครามปราบปรามยาเสพติดของดูเตอร์เตที่คร่าชีวิตคนนับพันที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ยากไร้ แต่ไม่มีแนวโน้มว่า มาร์กอส จูเนียร์จะสืบทอดนโยบายแข็งกร้าวดุดันของอดีตประธานาธิบดีที่เพิ่งพ้นตำแหน่งไปหมาดๆ
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)