ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เร่งเร้าพันธมิตรทหารนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ ยกระดับสนับสนุนประเทศของเขา ท่ามกลางความขัดแย้งกับยูเครน อ้างว่าความพ่ายแพ้ของเคียฟอาจนำมาซึ่งสงครามที่ตามมาระหว่างมอสโกกับตะวันตกทั้งมวล
ระหว่างการปราศรัยกับที่ประชุมซัมมิตนาโต้ในกรุงมาดริด ผ่านวิดีโอลิงค์เมื่อวันพุธ(29มิ.ย.) เซเลนสกีบอกกับบรรดาผู้นำนาโต้ว่า "เลือกเอาระหว่างมอบความช่วยเหลือเร่งด่วนอย่างพอเพียงแก่ยูเครนเพื่อชัยชนะ หรือสงครามที่ตามมาระหว่างรัสเซียกับพวกคุณ"
เซเลนสกีเน้นน้ำว่าประเทศของเขาต้องการความช่วยเหลือโดยตรงทั้งด้านการทหารและการเงิน พร้อมระบุว่าเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีความจำเป็นเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
คำปราศรัยของเซเลนสกี สะท้อนท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนก่อนหน้านี้ ที่เรียกร้องซ้ำๆขอให้ตะวันตกมอบการสนับสนุนทางการเงิน "การช่วยเหลือทางการเงินแก่ยูเครน มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการส่งมอบอาวุธ เราต้องการราว 5,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน คุณรู้ดี มันคือเรื่องพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการป้องกัน" เซเลนสกีกล่าว
"เพื่อช่วยยูเครนจบสงครามนี้ด้วยชัยชนะในสมรภูมิรบ เพื่อช่วยตอบโต้อย่างหนักแน่นที่สุดต่อการกระทำของรัสเซีย นี่คือสิ่งที่เราและพันธมิตรทั้งหลาย ประชาคมยูโร-แอตแลนติกทั้งมวลต้องการ" เขาเน้นย้ำ
เซเลนสกีกล่าวต่อว่าเมื่อครั้งความขัดแย้งสิ้นสุดลง ยูเครนต้องอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมหนึ่งๆในโครงสร้างด้านความมั่นคงของตะวันตก โดยเขายืนกรานปฏิเสธแนวโน้มที่ยูเครนยังคงต้องอยู่ใน "พื้นที่สีเทา" ระหว่างรัสเซียกับกลุ่มนาโต้ต่อไป "เราต้องการคำรับประกันด้านความมั่นคง และคุณต้องหาสถานที่หนึ่งๆสำหรับยูเครน ในพื้นที่ด้านความมั่นคงร่วมกัน"
รัสเซียเปิดฉากโจมตีประเทศเพื่อนบ้านในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หลังยูเครนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในข้อตกลงมินสก์ ที่ลงนามครั้งแรกในปี 2014 และท้ายที่สุดมอสโกก็ให้การรับรองสาธารณรัฐโดเนตสก์และสาธารณรัฐลูฮันสก์ ในภูมิภาคดอนบาส ในฐานะรัฐเอกราช
นับตั้งแต่นั้นเครมลินได้เรียกร้องให้ยูเครนประกาศตนเองอย่างเป็นทางการในฐานะประเทศเป็นกลาง ซึ่งจะไม่มีวันเข้าร่วมเป็นสมาชิกพันธมิตรทหารนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ แต่เคียฟระบุว่า ปฏิบัติการของรัสเซียเป็นการรุกรานโดยปราศจากการยั่วยุใดๆ และปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขามีแผนใช้กำลังยึดคืนทั้ง 2 สาธารณรัฐ
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)