เคียฟและเหล่าพันธมิตรตะวันตกเรียงหน้าประณามมอสโกว่ายิงขีปนาวุธถล่มศูนย์การค้าในเมืองเครเมนชุก ทางภาคกลางของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 18 คน ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงในวันอังคาร (28 มิ.ย.) ว่ามุ่งโจมตีคลังอาวุธและเครื่องกระสุน ซึ่งเกิดการระเบิดและไฟไหม้ช็อปปิ้งมอลล์ที่อยู่ใกล้เคียง ด้านองค์การนาโต้ที่กำลังจะประชุมซัมมิตกันในสัปดาห์นี้เผย จะเพิ่มกองทหารเตรียมพร้อมระดับสูงของตนขึ้นเป็นกว่า 300,000 คน เพื่อตอบโต้สถานการณ์ที่แดนหมีขาวทำสงครามอยู่ในยูเครน
ทางการยูเครนแถลงว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีศูนย์การค้าในเมืองเครเมนชุกเมื่อวันจันทร์ (27) โดยที่ในตอนแรกระบุว่าขณะนั้นมีผู้คนไปจับจ่ายซื้อของกันที่นั่นกันเนืองแน่นถึงราว 1,000 คน แต่ต่อมา เดนิส โมนัสตีร์สกี้ รัฐมนตรีมหาดไทยยูเครนแถลงใหม่ว่า ในทันทีที่เสียงเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่สามารถออกจากช็อปปิ้งมอลล์แห่งนั้น เนื่องจากมีหลุมหลบภัยอยู่ตรงฝั่งตรงข้ามถนน
เคียฟให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีคราวนี้ว่ามีอย่างน้อย 18 คน และบาดเจ็บ 59 คน และยังมีผู้สูญหายอีกราว 36 คน ขณะที่พวกผู้นำกลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมสำคัญของโลกตะวันตก (จี7) ซึ่งประชุมซัมมิตกันอยู่ที่รีสอร์ตทางภาคใต้ของเยอรมนี ได้ออกมาประณามว่า นี่เป็นการที่รัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามและเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน สำทับว่า เป็นหนึ่งในการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป และกล่าวหารัสเซียพุ่งเป้าโจมตีพลเรือนโดยตรง
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงในวันอังคาร ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยยืนยันว่า ตนโจมตีคลังอาวุธในเมืองเครเมนชุก ซึ่งเป็นที่เก็บอาวุธความแม่นยำสูงที่อเมริกาและยุโรปส่งให้ยูเครน และไม่ได้ตั้งใจโจมตีศูนย์การค้าดังกล่าว
คำแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียยังระบุว่า เครื่องกระสุนที่จัดเก็บไว้เพื่อใช้กับพวกอาวุธของฝ่ายตะวันตก ได้ระเบิดทำให้เกิดไฟไหม้ในส่วนที่ไม่ได้ถูกใช้งานของศูนย์การค้าที่อยู่ใกล้คลังอาวุธ
ยูเครนบอกว่า การปฏิบัติการกู้ภัยโดยทหารและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงดำเนินอยู่ในวันอังคารเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตและร่างผู้เสียชีวิต
นอกจากนั้น เคียฟยังอ้างว่า รัสเซียยกระดับการโจมตีอย่างเข้มข้นในช่วงหลายวันมานี้ เช่น เมื่อวันอาทิตย์ (26) อาคารที่พักอาศัยในกรุงเคียฟถูกถล่ม ซึ่งถือเป็นการโจมตีเมืองหลวงของยูเครนครั้งแรกนับจากต้นเดือนมิถุนายน ส่วนในวันจันทร์มอสโกยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองคาร์คีฟและลีซีชานสก์ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครน และถือเป็นอีกหนึ่งวันในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีพลเรือนเสียชีวิตมากที่สุด โดยเวลานี้ ลีซีชานสก์ กลายเป็นเมืองใหญ่เมืองเดียวในแคว้นลูฮันสก์ของภูมิภาคดอนบาสที่ยังอยู่ในการควบคุมของยูเครน
ด้าน ดมิทรี โปลแยนสกี้ รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวภายหลังเหตุโจมตีศูนย์การค้าในเมืองเครเมนชุกว่า ยูเครนใช้เหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อเรียกร้องความเห็นใจก่อนการประชุมซัมมิตขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 28-30 นี้
ในอีกด้านหนึ่ง เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ระบุในวันจันทร์ว่า กลุ่มพันธมิตรทางทหารนำโดยสหรัฐฯแห่งนี้ จะเพิ่มกลุ่มกำลังทหารสู้รบของตนบางกลุ่มทางปีกตะวันออกของนาโต้ ซึ่งก็คือด้านที่อยู่ติดต่อกับรัสเซีย ให้ขึ้นไปเป็นระดับกองพลน้อย และทำให้จำนวนกำลังทหารที่อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมระดับสูงของนาโต้อยู่ที่ “ราวๆ กว่า 300,000 คน” จากปัจจุบันซึ่งมีอยู่ 40,000 คน
เขาระบุว่า กองทหารของนาโต้ที่ประจำอยู่ในพวกรัฐบอลติก และอีก 5 ชาติสมาชิกนาโต้ซึ่งอยู่แนวหน้าติดกับรัสเซีย จะได้รับการปรับจำนวนให้สูงขึ้นสู่ระดับกองพลน้อย นั่นคือ เป็นสองเท่าตัวหรือสามเท่าตัวของเวลานี้ โดยจะขึ้นไปเป็นระหว่าง 3,000 ถึง 5,000 คน
นี่จะเท่ากับเป็นการยกเครื่องการป้องกันร่วมและการป้องปรามร่วมครั้งใหญ่ที่สุดของนาโต้นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น สโตลเตนเบิร์กแถลงก่อนหน้าการประชุมซัมมิตนาโต้
นอกจากนั้น ยังจะมีการเคลื่อนย้ายพวกอาวุธหนัก เป็นต้นว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขึ้นไปใกล้แนวหน้ามากขึ้น เช่นเดียวกับจะมีการกำหนดกองทหารเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันสมาชิกนาโต้บางรายซึ่งอยู่ทางปีกตะวันออกที่ถือเป็นจุดล่อแหลมขององค์การ
ทั้งนี้ในปัจจุบันนาโต้มีกองทหารเตรียมพร้อมระดับสูงราวๆ 40,000 คนอยู่ในความบังคับบัญชา แต่คาดหมายกันว่ากำลังทหารซึ่งจะกลายเป็นกว่า 300,000 คน จะอยู่ในลักษณะเป็นกองกลางซึ่งนาโต้สามารถนำไปใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน
เจ้าหน้าที่นาโต้ผู้หนึ่งอธิบายเพิ่มเติมว่า ระบบใหม่นี้จะเข้าที่เข้าทางได้ภายในปีหน้า และจะปรับปรุงยกระดับความสามารถของนาโต้ในการตอบโต้ได้ในระยะเวลาอันสั้นภายหลังได้รับแจ้งเหตุ โดยที่มีทรัพย์สินทั้งทางภาคพื้นดิน, ทางทะเล, ทางอากาศ, และทางไซเบอร์ พร้อมใช้งาน
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี, การ์เดียน)